ถ้าเคยรับขันธ์มาแล้ว
แต่ไม่ต้องการเป็นร่างทรงอีก ควรทำอย่างไรบ้าง ?
คำตอบ - อย่าเอาขันธ์ไปทิ้งเฉยๆ ไม่ว่าจะทิ้งลงแม่น้ำ
หรือทิ้งตามต้นไม้ในวัด
เพราะแม้ขันลอยน้ำไปแล้ว แต่วิญญาณยังอยู่ในตัวคุณแหละครับ
ให้ตั้งจิตให้ดีแล้ว บอกกล่าวแก่วิญญาณตนนั้น
ซึ่งเป็นผู้ที่ใช้ร่างกายของเรามาตลอด หรือใช้ ขันธ์
5 ของเรา
ซึ่งขันธ์ 5 ได้แก่ รูป
(ร่างกาย) เวทนา (ความรู้สึกความสุขความทุกข์)
สัญญา (ความจำ สิ่งที่ผูกพัน)
สังขาร (สภาพจิตที่ปรุงแต่งขึ้นภายหลัง)
และ วิญญาณ (สภาพรู้แห่งอยตนะ)
บอกกล่าวกับเขาว่า ขอให้ร่วมมือกันสร้างความดี โดยมีเงื่อนไขต่างๆดังนี้..
- ขอให้เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา ว่า
ท่าน (วิญญาณ) คือใคร? ชื่ออะไร? ตายเมื่อไหร่?
แล้วมีเหตุผลอะไรมาใช้ร่างกายเราเป็นสื่อ บอกจุดประสงค์ที่แท้จริงว่าท่านต้องการอะไรจากเราหรือท่านต้องการบอกกล่าวอะไรแก่ใคร?
และขอให้ท่านอย่าใช้พระนามของมหาเทพ มหาเทวี และเทพเจ้าระดับสูงมาแอบอ้างกับเราและผู้คนทั้งหลายอีก
เพราะมันจะเป็นบาปทั้งแก่ตัวท่าน(วิญญาณ) และตัวข้าพเจ้าเอง
(เพราะเราขอยืนยันตรงนี้อีกครั้งว่า
พระพิฆเนศ พระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม พระแม่อุมา พระแม่ลักษมี
พระแม่กาลี พระแม่ทุรกา พระขันทกุมาร พระกฤษณะ พระราม
พระหนุมาน พระอินทร์ พระพุทธเจ้า พระสีวลี พระอัครสาวกทั้งหลาย
พระแม่กวนอิม พระสังกัจจายณ์ พระโพธิสัตว์ และเทพเทวดาชั้นสูงทั้งหลายจะไม่มีวันเข้าทรง
หรือประทับทรงมนุษย์ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น ไม่มีมนุษย์หน้าไหนมีสิทธิ์เป็นร่างทรงเทพชั้นสูงเลยแม้แต่คนเดียวในโลกนี้)
- ทำข้อตกลงกัน ด้วยความศานติและมีความเมตตาต่อกัน
ว่าจะร่วมมือกันทำบุญ สร้างกุศล
โดยไม่มีเจตนาแอบแฝงทั้งตัวข้าพเจ้าและขอให้ท่าน (วิญญาณที่มาสิง)
ได้โปรดยอมรับในข้อตกลงนี้อย่างเคร่งครัด
- จากนี้ไปจะไม่แนะนำให้ใครมารับขันธ์ต่อจากเราอีกเด็ดขาด
เพื่อไม่ให้มีร่างทรงเพิ่มขึ้น ไม่ให้วิญญาณได้มีที่เกาะเพิ่มขึ้นอีกหลายๆตน
- ตกลงกันว่าห้ามทำไสยศาสตร์ระดับต่ำอีกเด็ดขาด
เช่น การเสกของ การทำให้หญิงชายรักกันหรือเลิกกัน
การยุ่งเกี่ยวกับชีวิตครอบครัวของผู้อื่นก็เป็นสิ่งต้องห้าม
กรรมของคนอื่นเขา เขาต้องรับผล ใครจะเจ็บป่วย ก็ให้เขาเจ็บไป
มันเป็นกรรมของเขา เราอย่าไปตัด อย่าไปขวางทางชีวิตของเขา
เขาต้องป่วย เขาต้องเจ็บ เขาต้องมีอุบัติเหตุ เพราะเขามีบาปติดตัว
เขาต้องพิการ เขาต้องตาบอด เขาต้องทรมาน มันก็เป็นการชดใช้กรรมของเขา
เราอย่าไปขวางทางกรรม เพราะมันจะทำให้เราลงนรกเสียเอง
- ห้ามรับเงิน!! ห้ามทำกำไร ห้ามเกี่ยวข้องกับเงินๆทองๆเด็ดขาด
ห้ามบอกผู้มาศรัทธาว่า ให้ทำบุญตรงนี้แล้วเราจะไปทำบุญให้
หากเขาต้องการทำบุญ ให้ไปทำที่วัดเอง ห้ามรับฝากเด็ดขาด
- ปิดตำหนัก!! ถูกต้องครับ ปิดตำหนักทรงเลย
เอาป้ายออก หยุดรับลูกค้า หยุดรับลูกศิษย์ (จริงๆแล้วไม่ใช่ลูกศิษย์หรอกครับ
คนโดนหลอกทั้งนั้นแหละ) แต่เทวรูปเทพต่างๆอย่าทิ้งครับ
มหาเทพก็คือมหาเทพ ท่านเมตตาเราเสมอ ให้ยกขึ้นหิ้งไว้บูชาเป็นส่วนตัวเหมือนเดิม
หรือส่งมอบเทวรูปบางส่วนแก่ผู้ศรัทธาไปเพื่อแสดงความเมตตา
ส่วนการช่วยเหลือผู้อื่นตามที่เราได้ให้คำมั่นสัญญากับวิญญาณที่มาทรง
ให้ใช้วิธีแนะนำให้คนอื่นเขาไปทำบุญ
ใครมีเคราะห์กรรมมาหาเราก็แนะนำให้เขาไปทำความดี ไปทำนุบำรุงศาสนา
แนะนำให้คนอื่นเขาทำสิ่งที่ดีงามต่อสังคม เขาก็จะหมดกรรมได้ดีกว่ามาให้เราเสกนู่นเสกนี่ให้
- ตกลงกันว่าห้ามมาประทับทรงอีก อย่ามาองค์ลงแบบเจ้าพ่อเจ้าแม่
ลุยไฟ สูบบุหรี่ โวยวายสั่นๆๆๆๆ อย่างที่ผ่านมาเด็ดขาด
เรายินดีร่วมมือกับท่านเพื่อทำความดี ขออย่ามาลงทรงแล้วทุบโต๊ะป๊าบๆๆ
ดิ้นพราดๆ ทำน้ำลายย้อยให้คนอื่นเห็นอีก
- บวช!! เป็นทางออกที่ดีมาก (นอกจากนี้ก็เข้าป่า
ปฏิบัติเป็นโยคี ถวายตัวแด่พระศิวะเทพตัวจริงหรือมหาเทพที่ศรัทธาเลยก็ยิ่งดี)
นั่งรอลูกศิษย์อยู่ที่ตำหนักทรงจะบ้าตายเอาครับ ผู้คนเห็นแล้วก็ดูถูก
เราก็จะฟุ้งซ่าน สมองก็จะฝ่อลงทุกวัน
- การทำบุญ ทำทาน ทำสมาธิ ทานอาหารเจ-มังสวิรัติ
เลี้ยงอาหารสัตว์จรจัด เมตตากรุณาต่อผู้คน ร่วมเป็นอาสาสมัครตามโอกาส
เป็นสิ่งที่มนุษย์เราไม่ว่าอยู่ในศาสนาไหนก็ควรปฏิบัติอยู่แล้ว
ขอให้ทำดีให้มากๆ กุศลผลบุญจะนำทางให้เราไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเดิมแน่นอน
- หากพ้นไปสักระยะใหญ่ๆ 2-5 ปี ชีวิตดีขึ้น วิญญาณไม่มาทรงอีก
รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ ก็ดีแล้วครับ ทำบุญไปเรื่อยๆ
แต่หากยังไม่ดีขึ้น ให้นำขันธ์หรือพานที่รับมา ไปส่งมอบให้เจ้าอาวาสวัดไหนก็ได้
(ลองสอบถามและปรึกษาท่านดูก่อนว่าท่านเข้าใจไหม) หากเจ้าอาวาสท่านเข้าใจเรา
ท่านจะรับพานไว้ ถ้าจะให้ดีให้เราบวชเลย (กรณีเป็นชาย)
หรือขอเข้าบำเพ็ญภาวนา (กรณีเป็นหญิง) ในวัดนั้นเลยถือโอกาสศึกษาธรรมะไปด้วยสัก
7-10 วันหรือเป็นเดือนๆปีๆเลยก็ได้ พอออกมาแล้วก็ขออาบน้ำมนต์จากวันนั้นด้วยเพื่อความสบายใจ
กลับไปบริจาคทำนุบำรุงวัดนั้นตามโอกาส เมื่อกลับมาก็ทำบุญสร้างกุศลบำเพ็ญสมาธิไปเหมือนเดิมตลอดจนชีวิตจะหาไม่
ทำได้อย่างนี้หลับสบายแน่นอนครับ
แต่เตือนไว้ก่อนว่า เจ้าอาวาสบางวัด ดันไปศึกษาวิชาไสยศาสตร์ทางเขมรมา
เลี้ยงวิญญาณไว้เยอะ ก็นิยมทำพิธีรับขันธ์ครอบครูเสียยิ่งกว่าเจ้าตำหนักทรงซะอีก
ก็ให้เข้าไปสอบถามก่อนและไตร่ตรองดูให้ดีๆ ว่าเจ้าอาวาสวัดนี้เชื่อถือได้ไหม
วิธีการมอบขันธ์ให้แก่เจ้าอาวาส ก็คือการไปปรึกษาท่าน
เล่าให้ท่านฟังถึงสิ่งที่เราได้ทำมาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
(บอกว่าไม่อยากเป็นร่างทรงแล้ว) อธิบายว่าเราไม่ทราบว่าเป็นวิญญาณสิง
แล้วก็ไม่อยากเอาขันธ์ไปทิ้งขยะหรือทิ้งแม่น้ำ เราไม่สบายใจ
ไม่อยากทำบาป ไม่อยากแอบอ้างเทพเจ้าชั้นสูงอีก ให้ท่านเมตตาช่วยดูแลขันธ์และวิญญาณตนนี้ให้ด้วย
ถ้าท่านเข้าใจแล้วก็ยื่นขันธ์ให้ท่านรับไว้ แค่นั้นครับ
แต่ถ้าเจ้าอาวาสท่านไหนบอกว่าจะต้องมีพิธีถอนขันธ์ใหญ่โตเอิกเกริก
มีการจัดเครื่องเซ่นบูชาเทพเจ้ากันอีกโต๊ะใหญ่ นัดแนะดูฤกษ์ยามก่อนหลายๆวัน
มีค่าครู หัวหมู เป็ดไก่ ฯลฯ นั่นก็ถูกหลอกอีกแล้วครับ
อย่าไปทำตาม ดีไม่ดีซวยอีก เจอวิญญาณตัวที่สอง สาม สี่
ห้า ดันเข้ามาแทรกเบียดเข้าที่ตัวเราอีกจะรับไม่ไหว เผลอๆตายคาวัดกลายเป็นผีแถวนั้นไปเข้าทรงคนอื่นอีกก็ไม่รู้ด้วยแล้ว
ลาขันธ์โดยมอบให้แก่เจ้าอาวาสแล้ว ก็ยังจะต้องทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณตนนั้นที่เรารับขันธ์ให้เค้ามาอยู่ด้วยในตอนแรกด้วยนะครับ
ให้ทำบุญไปเรื่อยๆ อุทิศผลบุญให้เขาเพื่อให้เขาได้ไปเกิด
ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีๆกว่านี้ แผ่เมตตาทุกๆคืนให้วิญญาณเร่ร่อน
เจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์ ใหุ้ทุกท่านอโหสิกรรมให้เรา
แต่ถ้าหากยังไม่ได้ลองทำบุญทำทานสร้างกุศลก่อน
ห้ามลาขันธ์เด็ดขาด อ่านๆมาแล้วก็เอะอะตกใจกลัวก็จะลาขันธ์เลย
อย่างนี้อย่าทำนะครับ ยังไม่ได้ลองทำบุญ ทำตัวเป็นคนดีจริงๆก่อนสัก
2-3 ปีก็อย่าเพิ่งด่วนเอาขันธ์ไปให้เจ้าอาวาส วิญญาณจะเล่นเอาทรมานถึงตายก็มี
หรือที่ทำให้ทรมานแต่ดันไม่ตายก็มีเยอะครับ เพราะวิญญาณจะโมโหว่ารับเขามาอยู่แล้วพอไม่ต้องการก็จะเอาไปทิ้งไปขว้าง
ให้เจรจาพูดคุยกันด้วยความสันติและสื่อความเมตตากรุณาต่อกันก่อน
บางท่านอาจจะอยู่ด้วยกันอย่างสงบ อีกทั้งได้ร่วมมือกันสร้างกุศล
เป็นเพื่อนหรือเป็นที่ปรึกษากันไปตลอดก็ได้ ถ้าเป็นลักษณะนี้ก็จบในทางที่ดีครับ
หากใครอ่านถึงตรงนี้แล้วจะบอกว่า
ไอ้ห่าพวกมึงนี่ไม่รู้จริง กูนี่แหละร่างทรงของแท้!!
ก็ขออย่าอ่านอีกเลยครับเว็บของเราเนี่ย ไสหัวไปที่อื่นเถอะ
เราชี้ทางสว่างให้แล้วยังหยิ่งโอหัง วิญญาณมันจะกินร่างกายกินบุญที่คุณสร้างมาจนหมดตัวแหละครับ
ประทับทรงไปวันๆนี่รู้ไว้เลยว่าคุณน่ะไม่ได้บุญหรอก พวกสติปัญญาไม่ค่อยมี
ปกติบุญก็ไม่ค่อยทำ พอวิญญาณมาสิง มาหลอกให้คิดว่าเป็นเทพชั้นสูง
ก็เสือกคิดว่าตัวเองมีบารมี เป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิดบ้างล่ะ
เป็นมหาเทพศิวะ มหาวิษณุอันสูงศักดิ์บ้างล่ะ แท้จริงแล้วก็พวกจิตอ่อน
บุญกุศลสร้างมาไม่เพียงพอ วิญญาณมันเลยสิงเอา แล้วก็เสือกไปท้าทายไปทั่ว
ทำบาปทุกวันหาทางรอดไม่พ้นหรอก ใครชี้ทางสว่างให้ก็ไม่รู้จักพิจารณา
ระวังจะไม่ตายดีครับ วิญญาณจะกินร่างกายและจิตใจคุณให้ทรุดโทรม
ตกต่ำ หากยังไม่รู้ตัวหรือไม่พิจารณาบอกกล่าวแก่วิญญาณหรือเร่งสร้างกุศลอย่างที่เราแนะนำไปตอนต้น
เชื่อเถอะว่าบั้นปลายชีวิตคุณไม่ตายดีแน่นอน
คุณๆรู้ไหมว่าทุกสำนักพราหมณ์ฮินดูของโลกนี้
เอาแค่ในประเทศไทย สำนักที่จดทะเบียนถูกต้องนั้นเขา รังเกียจร่างทรง
กันทั้งนั้นแหละครับ!!
แล้วที่ไหนบ้างที่ไม่สนับสนุนร่างทรง?
- เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ สำนักพระราชครู (นำโดย
พระราชครูวามเทพมุนี และคณะพราหมณ์)
ลองเข้าไปโบสถ์พราหมณ์แล้วมองหาพระครูพราหมณ์สักท่านหนึ่งนะครับ
เดินไปหาท่านแล้วบอกเลยว่าคุณเป็นร่างทรงพระพิฆเนศ
อยากลองดีอยากแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อะไรโชว์ให้เต็มที่ครับ
แล้วจะรู้เอง..ผมไม่ขอบอกตรงนี้ดีกว่า ว่าคุณจะโดนอะไรจากพระครูพราหมณ์บ้าง
ลองทำเป็นหลับหูหลับตาทรงเจ้า ทำเป็นมองไม่เห็นป้าย "ห้ามทรงเจ้า"
ที่พระราชครูสั่งให้ติดไว้ในโบสถ์ก็ดีนะครับ
ท้าทายดี...
- สมาคมฮินดูสมาช วัดเทพมณเฑียร (นำโดย
บัณฑิต ลลิต โมหัน วยาส)
ที่นี่ก็โชว์ได้ครับ ตรงชั้น 3 ที่ปูพรมไว้ให้ เย็นๆสบายๆ
คนเขานั่งสมาธิกันเงียบๆ คุณไปประทับทรงเชิญมหาเทพมาลงร่างต่อหน้าพราหมณ์เลยครับ
หลายๆคนอยากเห็นพราหมณ์บัณฑิตปราบร่างทรงหลังจากที่ไม่ได้เห็นมานานแล้ว
ท้าทายได้ครับ เชิญๆๆ
- สมาคมฮินดูธรรมสภา วัดวิษณุ ยานนาวา
สมาคมระดับโลกตั้งโดยคณะกรรมการผู้หลักผู้ใหญ่ของชาวฮินดู
เคยเห็นเต็มๆ ที่นี่ร่างทรงย่างกรายเข้ามาท้าพราหมณ์ มันก็โดนกลับซะอ้วกพุ่งเลยครับ
อ้วกจริงๆเลยแหละ ดิ้นพราดๆหน้าโบสถ์พระแม่ทุรคานั่นเลย
พวกปากไม่ดี ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
- วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขกสีลม)
ร่างทรงของวัดแขกในงานนวราตรีเป็นเพียงการตั้งจิตสื่อไปยังพระแม่มารีอัมมันและพระแม่ทุรกา
9 ปาง การร่ายรำของร่างทรงทั้ง 3 ท่านก็เพื่อถวายด้วยจิตศรัทธาสูงสุด
แต่ท่านทั้ง 3 ก็ยังมิบังอาจเ่อ่ยออกมาเลยว่าพระแม่มาประทับจริงๆ
เพราะพระแม่อุมาหรือพระแม่มารีอัมมันท่านไม่ลงมาประทับจริงๆหรอกครับ
เป็นเพียงการตั้งจิตไปที่พระแม่เท่านั้นเอง และแน่นอน
วัดแขกก็ห้ามทรงเจ้าครับ ขอบอกว่ากรรมการวัดที่นี่ดุมากๆๆๆๆ
ร่างทรงที่อยากท้าทายก็ระวังโดนตรีศูรพระศิวะฟาดเอานะครับ
ย้ำอีกครั้งว่ากรรมการวัดแขกนั้น โหดสุดยอด
- สมาคมฮะเร กฤษณะ (องค์กรระดับโลก
เผยแพร่คำสอนพระกฤษณะและภควัทคีตา)
ที่นี่เป็นองค์กรที่ร่วมมือกันสร้างสิ่งดีๆแบ่งปันแก่มนุษย์
เป็นกลุ่มคนที่มีแต่กิจกรรมเพื่อความรื่นรมย์ ร้องเพลง
ร่ายรำ ทำอาหารมอบแด่พระกฤษณะเทพ ศึกษาคัมภีร์ภควัทคีตาและมหาภารตะ
เป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงมากๆ นำโดยพระกรุณาธิคุณเจ้า
บัคธิเวดันธะ สวะมิ พระบุพาดะ แต่ถึงจะมีชื่อเสียงแต่พวกร่างทรงก็ไม่รู้จักหรอกครับ
เพราะที่นี่เป็นองค์กรระดับสูง สั่งสอนด้วยคัมภีร์ พวกร่างทรงมันไม่รู้คัมภีร์หรอกครับ
ไม่ว่าจะคัมภีร์พระเวท ฤคเวท สามเวท อุปนิษัท ปุราณะ ปตัญชลี
เวทานตะ ภควัทคีตา ฯลฯ ลองถามดูได้เลย ร่างทรงวิญญาณมันร่ายโศลกคำสอนต่างๆในคัมภีร์ไม่ได้หรอก
คนไม่ค่อยฉลาดเอาแต่ทรงๆๆๆๆ ไม่ค่อยศึกษาหาความรู้ มันก็ไม่รู้จักคำสอนหรอกครับ
องค์กรฮะเรกฤษณะนี่ก็ต่อต้านร่างทรงครับ
- มูลนิธิพระพิฆเนศ (นำโดย พราหมณ์ขจร
นาคะเวทิน)
องค์กรนี้มอบสิ่งดีๆแก่สังคมเยอะมากๆครับ ช่วยเหลือเด็กยากไร้และเรียนดี
ให้มีการศึกษาที่ดีขึ้น มีชีวิตที่ดีขึ้น ก่อตั้งโดย พระครูญาณสยมภูว์
พราหมณ์หลวงแห่งโบสถ์พราหมณ์ และแน่นอน พระครูขจรท่านก็ไม่เชื่อว่าร่างทรงมหาเทพชั้นสูงจะมีอยู่จริงหรอกครับ
- พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ (ก่อตั้งโดย
อ.ปัณฑร ทีรคานนท์)
อ.ปัณฑร ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นบริวารแห่งพระคเณศ
ท่านผู้นี้ประกอบพิธีบวงสรวงพระพิฆเนศมาแล้วมากมาย จัดเป็นผู้รู้ด้านเทพเจ้าฮินดูคนสำคัญของเมืองไทยทีเดียว
เดินทางไปรอบโลกเพื่อศึกษาเรื่องราวของพระคเณศอย่างลึกซึ้งและยาวนาน
ไปอินเดียเป็นว่าเล่นเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวฮินดูที่แท้จริง
จนได้มาซึ่งพระคเณศปางหายาก มาแสดงที่พิพิธภัณฑ์ เปิดให้ผู้คนเข้าชมได้ฟรี
ณ จังหวัดเชียงใหม่ คุณปัณฑรผู้นี้ก็ไม่เชื่อเรื่องร่างทรงมหาเทพเช่นกันครับ
- สมาคมอารยสมาช
ที่นี่บูชาคัมภีร์พระเวทเป็นหลักเลยครับ ไม่สนใจร่างทรงหน้าไหนๆทั้งนั้น
- คีตา อาศรม แห่งประเทศไทย
เผยแพร่พระธรรมโดยการนำสังคีต (ดนตรี) และนาฏศิลป์แบบพราหมณ์ฮินดูมาใช้สรรเสริญมหาเทพและศึกษาคัมภีร์เช่นกัน
องค์กรนี้ไม่สนับสนุนร่างทรง
- อาศรมวัฒนธรรมไทย-ภารตะ
องค์กรสนับสนุนการปฏิบัติโยคะเพื่อมุ่งสู่ทางหลุดพ้น หรือ
โมกษธรรมอันสูงสุดที่ชาวฮินดูควรไปให้ถึง องค์กรนี้ไม่สนับสนุนร่างทรง
- บราห์มากุมารีแห่งประเทศไทย
ศึกษาราชโยคะ มุ่งสู่พระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม มหาเทพสูงสุดแห่งศาสนาพราหมณ์ฮินดู
องค์กรนี้ไม่สนับสนุนร่างทรง
ฯลฯ
ยังมีองค์กรศาสนาพราหมณ์-ฮินดูอีกมากมาย ที่ไม่สนับสนุนร่างทรง
แจกแจงไม่หมดในนี้หรอกครับเพราะมีเยอะมากๆ บอกไปก็เท่านั้น
พวกร่างทรงหยิ่งๆมันไม่รู้จักหรอก รู้จักแต่ตำหนักที่ตัวเองดันทุรังสร้างขึ้นมาเท่านั้นแหละ
หากสงสัยอะไรอีกก็ย้อนกลับไปอ่านเรื่องร่างทรงเรื่องที่
1,2,3... ไล่ลงมาเรื่อยๆ อีกหลายๆรอบนะครับ ปัญญาเท่านั้นที่จะพาคุณไปสู่ทางสว่าง..
ขอจงพิจารณาไตร่ตรองโดยละเอียดครับ...
"ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ไม่มีการทรงเจ้าเข้าผี"
กล่าวโดย : พระราชครูวามเทพมุนี - สำนักพระราชครู
/ กองพระราชพิธีประจำสำนักพระราชวัง
.............................................................................................................................................................................
"การรับขันธ์และการเข้าทรง
คือวิชาของมาร"
กล่าวโดย : พราหมณ์ขจร นาคะเวทิน
(พระครูญาณสยมภูว์-เทวสถานโบสถ์พราหมณ์)
.............................................................................................................................................................................
"การนับถือพระพิฆเนศและองค์เทพต่างๆ
ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับร่างทรง"
กล่าวโดย : พราหมณ์ รัชนะ จินมายี (พระครูพราหมณ์สมาคมพรหมมา-ประเทศเนปาล)
.............................................................................................................................................................................
"มนุษย์ผู้ใดบังอาจกล่าวว่า
เป็นผู้เข้าทรงมหาเทพได้
ผู้นั้นไม่มีทางรอดเป็นอื่นนอกจากความวิบัติ"
กล่าวโดย : พราหมณ์ ลลิต โมหัน
วยาสะ (พระครูพราหมณ์-วัดเทพมณเฑียร)
.............................................................................................................................................................................
"ชาวไทยที่หลงงมงาย
บังอาจเข้าทรงมหาเทพชั้นสูง
เขาเหล่านั้นจะไม่มีวันเจริญทั้งในชาตินี้และชาติต่อๆไป"
กล่าวโดย : พราหมณ์ กฤษณะ ลาลมาเดฟราช
(พระครูพราหมณ์-องค์กรพราหมณ์แห่งอินเดีย)
.............................................................................................................................................................................
"การทรงเจ้าของบรรดาร่างทรง
คือการกระทำไสยศาสตร์ระดับวิญญาณ-ผี-สัมภเวสี
ไม่มีทางเป็นมหาเทพ-มหาเทวีชั้นสูงได้ โปรดอย่าเข้าใจผิด"
กล่าวโดย : พราหมณ์ จุรุลาตา
ราชา (พระครูประธานคณะพราหมณ์-เทวสถานชัมภูสถาน ประเทศอินเดีย)
.............................................................................................................................................................................
หยุด!!! นำเงินของท่านที่ได้มาอย่างยากลำบากจากการประกอบอาชีพสุจริต
ไปยื่นให้แก่ "คนทรงเจ้า" ที่วันๆ เอาแต่นั่งตัวสั่นและพูดจาหยาบคาย
โลภมากและทำบาปอยู่เป็นนิจ การทรงเจ้าของพราหมณ์
ณ วัดแขกสีลมนั้น เป็นการเข้าทรงเพื่อประกอบพิธีทางศาสนา
มีขึ้นเฉพาะในพิธีนวราตรี
โดยมีวัตถุประสงค์ในการประทับทรงที่ชัดเจน กระทำโดยพราหมณ์ชาวอินเดีย
ซึ่งปฏิบัติตามคติการบูชาอย่างถูกต้อง
แตกต่างกับการทรงเจ้าตามตำหนักทรงต่างๆ ซึ่งเราขอยืนยันว่าส่วนใหญ่เป็นการจัดฉากเพื่อรีดไถกับผู้หลงเชื่อ
หรือหากไม่จัดฉาก ก็จะเป็นวิญญาณเร่ร่อนสถิต แล้วแอบอ้างว่าเป็นมหาเทพ
มหาเทวี
พราหมณ์ชั้นผู้ใหญ่ของประเทศไทย ถือว่า ลัทธิการทรงเจ้าเข้าผี
เป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ
คนมีองค์...มีจริง
!! องค์เทพลงมาคุ้มครองผู้ศรัทธา
มนุษย์ทุกคนสามารถ "มีองค์" ได้เอง ถ้าหมั่นบูชาเทพ
หมั่นทำบุญ หมั่นทำความดี
แต่ คนทรงเจ้า...
มีเพียง 1% เท่านั้นที่เมตตาช่วยเหลือผู้คนจริงๆ โดยไม่มีการเรียกเก็บเงินและไม่ยุ่งเกี่ยวกับไสยศาสตร์
และใน 1% นั้นก็ไม่ใช่ร่างทรงของเทพชั้นสูง แม้เขาจะช่วยเหลือผู้คนแต่ก็เป็นเพียงการเข้าทรงวิญญาณเท่านั้น
(คำอธิบายการเข้าทรงวิญญาณและการเข้าใจผิดว่าเป็นมหาเทพชั้นสูง
มีให้อ่านแล้วในบทก่อนๆ ดูลิงก์ได้ด้านล่าง)
ขอท่านทั้งหลายจงเลือกนับถือศรัทธาด้วยปัญญาและขอให้มีสติ
ด้วยความเคารพต่อทุกท่านที่ศรัทธาในพระพิฆเนศวรและองค์เทพ
/ ทีมงานสยามคเณศ |
|