อารัมภกถา (โปรดอ่าน)
สำหรับศาสนิกชนฮินดูที่แท้ ย่อมเคารพพระเป็นเจ้าทุกพระองค์โดยทั่วกัน
เพราะเข้าใจว่าในสัจจะภาวะพระเป็นเจ้าทุกองค์ล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน
คำสอนทางศาสนาโดยเฉพาะในสายอไทฺวตเวทานตะอันมีท่านศรีอาทิศังกราจารย์
เป็นผู้สถาปนาให้มั่นคงนั้น เน้นย้ำว่าพระผู้เป็นเจ้าที่เป็นองค์สัจธรรมสูงสุดนั้น
ปราศจากคุณสมบัติใดๆ จะกล่าวขานหรือบรรยายด้วยถ้อยคำของมนุษย์ก็มิได้เพราะสภาวะดังกล่าวพ้นไปจาก
โลกสมมุติโดยสิ้นเชิง สภาวะนี้เรียกว่า นิรคุณพรหมัน คำว่า
พรหมัน อาตมัน หรือ ปรมาตมัน เป็น คำที่พบได้บ่อยครั้งในปรัชญาอินเดีย
ซึ่งหมายถึงสภาวะอันเป็นความจริงแท้ เป็นความจริงสูงสุด เป็นสารัตถะของสรรพสิ่งในจักรวาล
คำๆนี้เป็นจุดศูนย์กลางความสนใจของนักปราชญ์ทางศาสนาซึ่งต่างก็ตีความไปตาม
แนวทางของตน
ในสายอไทฺวตเวทานตะ นิรคุณพรหมันเป็นเอกภาวะเพียงอย่างเดียว
หรือกล่าวได้ว่าเป็นความจริงหนึ่งเดียว แต่ด้วยเหตุผลอันสุดจะคาดเดาหรืออาจกล่าวตามอย่างโบราณาจารย์ว่าเป็นความ
บันเทิงของพระเป็นเจ้า นิรคุณพรหมันได้สำแดงตนออกมาให้เห็นเป็นพระเป็นเจ้าผู้มีคุณสมบัติต่างๆที่
เรียกว่า สคุณพรหมัน หรือ อีศวร และยังทรงสำแดงออกมาเป็นจักรวาลแห่งวัตถุสสาร
ด้วยพลังอำนาจ(ศักติ)ที่นอนเนื่องอยู่ในพระองค์อันเรียกว่า มายา
เพราะ ความหลงในมายา สรรพชีวิตมิได้เข้าใจความจริงว่า หากเทียบกับสภาวะสูงสุดแล้วโลกและชีวิตภายนอกล้วนเป็นเพียงภาพเงา
เป็นหมอกควัน และมิได้ตระหนักว่าตนเองเป็นหนึ่งเดียวกับความจริงแท้
อันเป็นเอกภาวะ เป็นนิรันดรนั้น
โบราณจารย์เห็นว่ามนุษย์มีขีดขั้นแห่งสติปัญญาต่างกัน ดังนั้นท่านจึงเห็นควรที่จะให้มนุษย์ค่อยๆก้าวเดิน
เริ่มจากความเข้าใจในเบื้องต้นไปสู่ความเข้าใจที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นท่านจึงทำคำสอนให้อยู่ในรูปบุคลาธิษฐาน สคุณพรหมันนั้นถูกทำให้เป็นพระศิวะ
ส่วนพลังมายาศักติได้กลายรูปมาเป็นพระแม่เจ้าอุมาฯ ดังที่เราจะเห็นว่าองค์พระแม่อุมาฯย่อมมีพระนามว่า
มหามายา แลเราย่อมเรียกชายาของพระผู้เป็นเจ้าว่า ศักติ อันหมายความว่าทรงเป็นสภาวะพลัง
แม่ หรือพลังแห่งการรังสรรค์โลก
เนื่องจากมนุษย์มีความสนใจอันหลากหลาย โบราณาจารย์จึงได้เสนอทางเลือกเพื่อความหลุดพ้นไว้หลายแนวทางตามแต่อุปนิสัย
ของแต่ละคน แนวทางหนึ่งคือหนทางแห่งภักดี (ภักติมารค) ได้แก่การมีศรัทธาอุทิศถวายความรักความภักดีแด่พระเจ้า
ตามประเพณีแล้วชาวฮินดูมี เทวะที่ตนเคารพรักเป็นพิเศษ หรือ
อิษฺฏเทวตา เพื่อตนจะได้มีปฏิสัมพันธ์ทางศาสนากับเทวะองค์นั้น
พระศิวะจัดว่าเป็นพระเป็นเจ้าที่มีผู้เคารพรักมากที่สุดพระองค์หนึ่ง
ตามเทวตำนานกล่าวว่า พระองค์มีพระกรุณาสูงส่ง มีพระวรกายสีขาวชโลมด้วยเถ้าถ่าน(ภาสมะ)
ทรงมุ่นมวยพระเกศาไว้บนพระเศียร ทรงทัดพระจันทร์เป็นปิ่น(จันทรเศขร)
บนยอดพระเกศามีพระคงคาไหลวนอยู่(คงคาธร) มีสามพระเนตร(ตรีเนตร)
พระเนตรตรงกลางพระนลาฏ(หน้าผาก)ถ้าลืมออกดูก็จะกลายเป็นไฟบรรลัยกัลป์ผลาญ
โลก ทรงมีสังวาลเป็นนาค พระศอมีสีนิล(นีลกัณฐ์)เพราะยาพิษที่ทรงเสียสละดื่ม
ทรงนุ่งห่มหนังเสือหรือหนังช้าง มีสองพระกร บ้างก็ว่าสี่พระกร
ทรงตรีศูลเป็นอาวุธสำคัญ มีพระอุมาฯเป็นชายา พระคเณศแลพระสกันทะ(ไทยเรียก-ขันธกุมาร
อินเดียใต้เรียก-พระสุพรหมัณย์)เป็นโอรส มีพระนิเวศที่เขาไกรลาศ
รูปที่นิยมทำคือรูปทรงเข้าสมาธิ เพราะทรงเป็นบรมโยคี บ้างก็นิยมทำเป็นรูปมีห้าพระพักตร์อันเป็นสัญลักษณ์แสดงมูลธาตุทั้งห้าของ
โลกคือ ดิน น้ำ ไฟ ลม และอวกาศ
พระศิวะจัดเป็นหนึ่งในพระตรีมูรติ อันได้แก่พระเป็นเจ้าที่สำแดงออกมาเป็นสามคุณลักษณะ
คือการรังสรรค์(พรหมา) การรักษาหรือดำรงอยู่(วิษณุ) แลการแตกดับทำลาย(ศิวะ)
แต่ชนนิกรที่นับถือไศวะนิกายย่อมถือว่าพระศิวะเป็นพระเป็นเจ้าสูงสุด
พระเป็นเจ้าแลเทวะทั้งหมดย่อมรวมอยู่ในพระศิวะ คนไทยโดยทั่วไปรู้จักพระศิวะดี
แต่ก็ในแง่ เทพเจ้า เท่านั้น เพราะมัวสาละวนอยู่แต่กับเทวตำนาน
อิทธิปาฏิหารย์แลพิธีกรรมการบูชาบวงสรวงต่างๆ ที่จริงแล้วพระศิวะอาจเป็นที่รู้จักได้ในแง่อื่นๆ
เช่นในแง่ปรัชญา เป็นต้นว่า ศิวะ คือองค์คุณแห่งสภาวธรรมชาติเดิมแท้
หรือความจริงสูงสุด ซึ่งปราศจากการนิยามใดๆ ศิวะ เป็นแต่คำเรียกด้วยความคุ้นชินของ
พระเป็นเจ้า หรือ สัจธรรม เท่านั้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เข้าสู่ญาณกันเลย
อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าเห็นว่าความศรัทธาแลความภักดีเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่จะนำไปสู่ปัญญา
ญาณที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยความศรัทธาส่วนตนจึงดำริที่จะแปลบทสวดมนตร์จากภาษาสันสกฤตมาสู่ภาค
ไทยอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ พร้อมให้การอธิบายตามแนวทางที่ข้าพเจ้าเห็นว่าเหมาะสม
เพื่อที่ผู้อ่านจะได้รับทั้งรสแห่งศรัทธาแลเพิ่มพูนปัญญาไปพร้อมๆกัน
หนังสือเล่มนี้ข้าพเจ้าได้ปรึกษากับอาจารย์ คือท่านปัณฑิตลลิต
โมหัน วยาสแห่งเทพมณเฑียร สมาคมฮินดูสมาช เห็นควรให้มีชื่อ วิมุกโตทัย
(วิมุกฺต-ความหลุดพ้น + อุทย โผล่ขึ้น เช่นอาทิตย์อุทัย) แปลว่า
ความหลุดพ้นที่อุทัยขึ้น เพราะ หากเราเพ่งพินิศความหมายต่างๆอันปรากฏอยู่ในบทสวดมนตร์เหล่านี้ด้วยใจสงบ
ความหลุดพ้นย่อมจะอุทัยขึ้นไม่ช้าก็เร็ว หวังใจว่าหนังสือนี้จะเป็นการเปิดประตูไปสู่หนทางแห่งความหลุดพ้นทั้งแก่
ท่านผู้อ่านแลตัวข้าพเจ้า ส่วน ศฺรีศิวสฺโตตฺราณิ แปลว่า บทสวดสดุดีทั้งหลายแด่พระศิวะ
แม้ว่าในปัจจุบันผู้คนดูเหมือนจะสนใจเทพเจ้าแลศาสนาพราหมณ์ฮินดูมากขึ้น
อาจเป็นเพราะกระแสนิยมจากสื่อภาพยนตร์แลคนบันเทิง เทวสถานแลที่สักการะก็ดูเหมือนคนไปบูชามากมาย
หนังสือหนังหาก็มีล้นตลาด แต่หากลองไปสำรวจตามแผงหนังสือจะพบว่า
หนังสือเกี่ยวกับเทพเจ้าที่วางขายล้วนเป็นแต่เรื่องเทวตำนานเน้นอิทธิฤทธิ์
ปาฏิหาริย์ บ้างก็ให้ข้อมูลผิดๆถูกๆ บ้างก็ให้การบูชาบทสวดมนตร์ที่แปลไปมั่วๆตั้งกฏเกณฑ์เอาเอง
ซ้ำร้ายหนังสือที่ว่าขายดีจนต้องพิมพ์ซ้ำก็มีข้อเสียที่ไปหลงเทววิทยา
ประยุกต์แบบฝรั่งมิจฉาทิฐิ ซึ่งจับโน้นชนนี้ผสมปนเปไปเรื่อยเปื่อย
การที่คนทั่วไปที่สนใจเรื่องเหล่านี้มากขึ้น อีกส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะชีวิตในสังคมปัจจุบันมีความเสี่ยงสูง
โดยเฉพาะชีวิตในเมืองกรุง คนกรุงต้องการที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่หลายครั้งก็ทำไปอย่างเมามัว
เห็นพระเป็นเจ้าเป็นตู้เอทีเอ็ม ที่จะกดเงินตอนไหนก็ได้ เห็นพระเป็นเจ้าเป็นบริษัทจัดหาคู่
เห็นพระเป็นเจ้าเป็นกองสลากขอเลขเด็ดๆตรงๆ เห็นพระเป็นเจ้าเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนที่อยากจะเข้าฯลฯ
ยังไม่นับพวกที่อยากจะไปเกี่ยวดองเป็นญาติกับพระเป็นเจ้า
เรียกปู่บ้างย่าบ้าง เรียกพ่อเรียกแม่กันไปเรื่อยเปื่อย แม้ว่าพระเป็นเจ้าจะทรงพระกรุณามาก
พระองค์อาจรักเราเช่นบุตร เช่นเพื่อน แต่เราควรอ่อนน้อมว่าตนเป็นเพียง
ข้ารับใช้ผู้ต่ำต้อย ไม่ควรอหังการอวดตนไปนับญาติกับพระเป็นเจ้าในเรื่องการขอพร
ข้าพเจ้ามิได้เห็นว่าเราจะขอพรจากพระเป็นเจ้าไม่ได้ แต่ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า
ศาสนาพราหมณ์ ฮินดูทุกสำนักนิกายเชื่อเรื่อง กรรม แม้ จะมีรายละเอียดต่างจากพระพุทธศาสนาไปบ้าง
ตรงที่ศาสนาฮินดูเห็นว่า พระเป็นเจ้าเป็นผู้อำนวยให้กรรมดำเนินไปโดยสะดวกตามวิถีของมัน
ดั่งฝนที่ตกลงมาช่วยให้พืชเติบโต แต่การที่พืชจะโตมาเป็นต้นอะไรย่อมอยู่ที่ตัวพืชนั้นเอง
มิใช่ฝน เราทำสิ่งใดเราก็จะได้รับสิ่งนั้น แม้พระเจ้าจะทรงพระกรุณามากแต่ก็ทรงเป็นเพียงผู้เกื้อหนุนมิใช่ผู้บงการ
ดังนั้นขอให้เราจงบูชาพระเป็นเจ้าเพียงเพราะเรามีความปรารถนาที่จะบูชา
มิใช่ความปรารถนาในลาภผล ความสุขสงบแห่งการบูชาเป็นผลอันยิ่งใหญ่ที่เราได้รับในทันที
ส่วนสิ่งอื่นๆก็ขอให้เป็นสิ่งที่อยู่ในดุลยพินิศของพระองค์ สาวกที่แท้จริงย่อมไม่เรียกร้องสิ่งใดจากพระเจ้าด้วยการบูชาของตัว
ข้าพเจ้าเห็นว่าอย่างมาก เราก็ควรขอแค่กำลังใจ ขอความอบอุ่นใจแลความสงบ
เพื่อที่เราจักได้มีกำลังในการต่อสู้ของชีวิต
เรื่องที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้าจำต้องประกาศไว้ในที่นี้
คือ ศาสนาพราหมณ์ฮินดูไม่มีการทรงเจ้าเข้าผี พิธีการทรงเจ้าเข้าผีนั้นไม่มีอยู่ในคัมภีร์ใดๆ
ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เป็นเรื่องที่พราหมณ์ผู้รู้พระเวททั้งปวงไม่ยอมรับ
ท่านพระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าคณะพราหมณ์ ตัวแทนของศาสนาพราหมณ์ฮินดูในประเทศไทยเคยกล่าวว่า
การอ้างองค์เทพว่าตนมีภาวะอย่างนั้นอย่างนี้เทียบเท่าองค์เทพ
ไม่อยู่ในแนวทางของความหลุดพ้น เป็นสิ่งไม่พึงกระทำ ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับท่านอย่างยิ่ง
แลรู้สึกรับไม่ได้กับสิ่งเหล่านี้ ข้าพเจ้ามิได้รังเกียจการทรงเจ้าเข้าผีแบบชาวบ้าน
ซึ่งมีหน้าที่บางประการในชุมชนชนบทไทย เช่น การรักษาโรคตามภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือการรักษาความสัมพันธ์ในชุมชน
แต่รับไม่ได้กับการเอา พระเป็นเจ้า ในศาสนาไปเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์
คนเหล่านี้ถ้าไม่หลอกลวงก็เป็นพวกวิปลาสมีความผิดปกติในจิตใจ
หรือไม่ก็เจ็บป่วย ทั้งนี้ข้าพเจ้ามิได้หมายความว่าการดลใจโดยพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
แต่นั่นย่อมเป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่ไม่สามารถบอกเล่าให้ผู้อื่นฟัง
ดังเช่นที่บรรดาพระมุนีและโยคีต่างๆ เคยประสบ
ขอให้ท่านทั้งหลายที่ได้รับหนังสือนี้จดจำข้อนี้ให้ดี
หากท่านเพิ่งจะเป็นผู้เริ่มสนใจก็ขอให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องและพึงรู้ว่า
เราสามารถเข้าถึงพระเป็นเจ้าได้โดยไม่ต้องพึ่งคนทรงเจ้าหรือผู้วิเศษใดๆทั้งสิ้น
ในส่วนของการแปล บทสวดมนตร์ส่วนใหญ่มาจากหนังสือ Hymns And
Prayers To Gods And Goddesses ของ Advaita Ashrama ซึ่งข้าพเจ้าแปลจากภาษาสันสกฤตเทียบกับภาษาอังกฤษ
และยังได้บทสวดมนตร์อีกจำนวนหนึ่งจากเวปไซต์ http ://www.sanskrit.gde.to/
ซึ่ง เป็นเวปไซต์เผยแพร่บทประพันธ์แลบทความต่างๆอันเกี่ยวเนื่องภาษาสันสกฤตที่
ใหญ่ที่สุดในโลกไซเบอร์ โดยเปิดให้ดาวน์โหลดฟรีเป็นวิทยาทาน
นับว่าควรต้องแสดงความขอบพระคุณแลประกาศเกียรติคุณไว้ ในส่วนการแปลเพลงอารตี
ตริคุณสวามี กิ อารตี ซึ่งเป็นภาษาฮินดี ข้าพเจ้าถอดศัพท์ตามวิธีการในพจนานุกรมภาษาฮินดี
ของ ผศ.ดร.บำรุง คำเอก เพราะแม้ว่าจะใช้อักษรเทวนาครีเหมือนกันแต่ก็ถือว่าเป็นคนละภาษากับสันสกฤต
ส่วนการออกเสียงนั้นใกล้เคียงกันสามารถศึกษาเทียบเคียงได้
บางท่านอาจบ่นว่าการถอดภาษาสันสกฤตสู่ภาคไทยของข้าพเจ้าอ่านได้ยาก
มีจุดพินทุนิคหิตดูรุงรัง แต่ข้าพเจ้ารักษาการถอดภาษาสันสกฤตสู่ภาคไทยอย่างเคร่งครัด
ซึ่งย่อมถูกต้องแลมีประโยชน์กว่าการถอดเอาตามอำเภอใจ เพราะการถอดตามหลักย่อมช่วยให้รู้รูปคำศัพท์เดิม
หากได้ศึกษามาบ้างก็จะเห็นว่าช่วยให้เข้าใจความหมายได้ดี แลจะไม่เกิดอักขรวิธีวิบัติผิดเพี้ยน
บางคนถอด เวท เป็น เวดาร์ แม้จะออกเสียงใกล้เคียงภาษาเดิมแต่คนไทยรู้จัก
พระเวท ดีจึงไม่จำเป็นต้องถอดเช่นนั้น ขนมลัฑฑูที่พระคเณศโปรด
ก็ไปถอดเป็น ลาดูป นับว่าผิดไปไกล
ข้าพเจ้าได้แทรกวิธีการออกเสียงสันสกฤตอย่างสังเขป เพื่อประโยชน์ของท่านผู้อ่าน
ขอให้ตั้งใจศึกษา หากสงสัยประการใดก็สามารถสอบถามเอากับเจ้าของภาษาได้เพราะข้าพเจ้าได้ใส่
อักษรเทวนาครีไว้ด้วย แลบทสวดมนตร์ต่างๆในหนังสือนี้ก็มักมีชาวอินเดียนำไปสวดประกอบดนตรีอัดลงเทป
ซีดีไว้มากมาย คงค้นหาตามร้านค้าของชาวอินเดียได้ไม่ยาก
สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าขอกราบระลึกถึงท่านอาทิศังกราจารย์ผู้ประเสริฐ
ขอกราบขอบพระคุณท่านปัณฑิต อาจารย์ ศรีลลิต โมหัน วยาส ผู้เป็น
ครู ของ ข้าพเจ้า ตลอดเวลาที่ได้เป็นศิษย์ท่าน แม้ท่านจะมีภารกิจมากมาย
แต่ความกรุณาของท่านที่มีต่อข้าพเจ้าเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ท่านปัณฑิต
ศรีพรหมานันทะ ผู้เป็นทั้งอาจารย์และมิตร ท่านอาจารย์ประมวล
เพ็งจันทร์ครูผู้เป็นแรงบันดาลใจทั้งมวลในชีวิต หากข้าพเจ้าพอจะมีความดีใดๆอยู่บ้างก็เพราะได้มีบุญพบกับท่านผู้นี้นี่เอง
ท่านผศ.ทัศนีย์ สินสกุลผู้ให้ความรู้ทางภาษาสันสกฤตแก่ข้าพเจ้าแลช่วยตรวจทานความถูกต้อง
ข้าพเจ้าตระหนักเสมอว่าตนเองเป็นเพียง นักเรียนภาษาสันสกฤต
ที่ ยังอ่อนด้อยอยู่มาก แต่เพราะมีศรัทธาแก่กล้าจึงลุกขึ้นมาทำสิ่งที่นับว่าเกินตัวเช่นนี้
ความผิดพลาดใดๆข้าพเจ้าขอน้อมรับไว้แต่ผู้เดียว
ขอขอบคุณคุณลักษมี ผู้ที่คอยให้คำปรึกษาและให้ทุนสนับสนุนจำนวนมากหาก
คุณศุภโชค ชุมสาย ณ อยุธยาที่กรุณาช่วยจัดรูปเล่ม คุณปวีณา วะน้ำค้างคุณพรรณรวี
อิ่นคำที่ติดต่อประสานงาน เพื่อนๆพี่ๆทุกคนที่ไม่ได้เอ่ยนาม
ทั้งช่วยเป็นกำลังใจแลทุนสนับสนุนเท่าที่จะช่วยได้ บางท่านอยู่ถึงต่างประเทศก็ยังอุตสาห์โทรศัพท์ให้กำลังใจแลส่งทุนมาช่วย
น้ำใจของเพื่อนเป็นสิ่งงดงามเหลือเกิน ที่จะลืมไม่ได้เลยคือคุณพ่อคุณแม่ผู้ให้กำลังใจแลส่งเสริมลูกในทางที่ลูก
ต้องการจะเป็นเสมอ
ขอขอบพระคุณท่านผู้ร่วมบริจาคสมทบทุนการพิมพ์ทุกท่าน ข้าพเจ้ามีความซาบซึ้งใจมาก
ขอทุกท่านจงประสบแต่ความสุข ได้รับพระพรแห่งพระเป็นเจ้า คือความศานติโดยทั่วหน้ากัน
หนังสือนี้เป็นการกุศลจึงไม่มีการจำหน่าย หากท่านใดประสงค์จะพิมพ์แจกเพื่อเป็นวิทยาทานโดยไม่มีการดัดแปลงแก้ไขใดๆ
ข้าพเจ้าก็ยินดี แต่โปรดแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบด้วย
โอมฺ นมะ ศิวาย
ศรีหริทาส |