พระพิฆเณศ
รูปพระพิฆเนศ
คลิกที่นี่เพื่อกลับไปหน้าแรกพระพิฆเนศ
อัสตะวินายกะ (อัสตะวินายัก)
เทวสถานพระคเณศวรที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
เรื่องโดย : เขมกร / นิตยสารต่วยตูน

ในหลวงประกอบพิธี ณ เทวสถาน โบสถ์พราหมณ์

ถ้าเอ่ยถึงพระนาม "พระคเณศ" หรือ "พระพิฆเนศวร์" น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก
โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานด้านศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง นักแสดง จิตรกร ประติมากร
และอีกหลากหลายสาขาอาชีพ เพราะพระองค์ได้รับการนับถือว่าเป็นบรมครูแห่งศิลปะ
เป็นมหาเทพที่ได้รับการบูชาเป็นอันดับแรก

ตามความเชื่อของชาวฮินดู ผู้ใดจะประกอบพิธีกรรมใดๆ ก็ตาม
ต้องบูชาพระคเณศก่อนเสมอ จึงจะได้รับความสำเร็จในพิธีบูชานั้นๆ
จึงกล่าวได้ว่าพระพิฆเณศวร์เป็นเทพเจ้าที่มีผู้รู้จักได้รับการนับถือมาก
มีเทวสถานของพระคเณศวรอยู่มากมายทั่วทุกมุมโลก



ที่แคว้น มหาราษฏร์ (Maharashta) ประเทศอินเดีย มีเทวสถาน 8 แห่งของพระคเณศวร เรียกว่า อัษฏวินายกะ (Ashtavinayaka)
อันหมายถึงเทวสถานพระคเณศ 8 องค์ (อัษฏะแปลว่าแปด + วินายกะแปลว่าพระพิฆเนศ) เทวสถานทั้งแปดแห่งนี้มีความสำคัญมาก
เพราะเป็นที่ประดิษฐานเทวรูปพระพิฆเณศวร์ที่เกิดขึ้นเองตามธรามชาติ เรียกเทวรูปลักษณะที่เกิดได้เองนี้ว่า "สวยัมภูมูรติ"
(สวยัมภู=เกิดขึ้นเอง + มูรติ=รูปเคารพ) ว่ากันว่าเกิดจากอำนาจแห่งองค์พระคเณศเอง จึงถือว่าศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก

ข้าพเจ้าได้มีโอกาส ยาตรา (ชาวฮินดูหมายถึงการเดินทางแสวงบุญ) ไปสักการะเทวสถานทั้งแปดแห่งนี้แล้ว
เห็นว่าน่าจะนำสาระความรู้และสิ่งดีๆมาแบ่งปันกับท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้เลยขออนุญาตพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับเทวสถานทั้ง 8
และตำนานของแต่ละแห่งซึ่งเชื่อกันว่าเกิดจากการอวตารขององค์พระเคณศเพื่อปราบอธรรม โดยจะเรียงลำดับตามปุราณะต่างๆดังนี้ค่ะ

1. ศรีมยุเรศวร - ตั้งอยู่ที่ โมเรกาวน์
2. ศรีจินตามณี - ตั้งอยู่ที่ เทอูร์
3. ศรีสิทธิวินายัก - ตั้งอยู่ที่ สิทธาเทก
4. ศรีมหาคณปติ - ตั้งอยู่ที่ รันชันกาวน์
5. ศรีวิฆเนศวร - ตั้งอยู่ที่ โอซาร์
6. ศรีคีรีจัตมากา - ตั้งอยู่ที่ เลนยาดรี
7. ศรีบัลลาเลศวร - ตั้งอยู่ที่ ปาลี
8. ศรีวรัทวินายกะ - ตั้งอยู่ที่ มาหัท


1. เทวสถานศรีมยุเรศวร

เทวสถานศรีมยุเรศวร โมเรกาวน์

เริ่มกันที่ เทวสถานศรีมยุเรศวร (Shri Mayureshwar) ตั้งอยู่ที่ โมเรกาวน์ (Morgaon) คำว่า "โมเร" หรือ "มยุรี" หมายถึงนกยูง ส่วนคำว่า "กาวน์" หมายถึงหมู่บ้าน เพราะในอดีตหมู่บ้านแถบนี้เป็นที่อยู่อาศัยของนกยูงเป็นจำนวนมาก

เทวตำนานจาก คเณศปุราณะคีตา กล่าวว่า กษัตริย์จักรปาณี และ พระนางอัครา ได้ทำพิธีขอบุตรจาก สุริยเทพ เมื่อทรงครรภ์พระนางก็ไม่สามารถทนความร้อนแรงที่เกิดจากทารกในครรภ์ได้ จึงขับทารกออกจากครรภ์ (ไม่ใช่ทำแท้งนะคะ) และได้นำตัวอ่อนของทารกไปฝากไว้กับ พระสมุทร ในทะเล บังเกิดเป็นทารกที่มีกายสีแดง พระโอรสได้รับพระนามว่า สินธุ เพราะถือกำเนิดจากทะเล

เมื่อสินธุเติบโตขึ้น บำเพ็ญตบะพร่ำสวดมนตราภาวนาต่อองค์พระสุริยเทพเป็นเวลาถึงสองพันปี จนสุริยเทพพอพระทัย จึงเสด็จมาให้พร

สินธุขอพรให้เป็นอมตะ สุริยเทพประทานหม้อน้ำอมฤตโดยบอกว่า ตราบใดที่น้ำอมฤตนี้ยังอยู่ในท้อง ก็จะไม่มีผู้ใดฆ่าสินธุได้ เมื่อได้พรแล้วก็กลับมายังอาณาจักรสืบราชสมบัติต่อจากพระบิดา แต่นิสัยใจคอนั้นดุร้ายเหี้ยมโหดดังอสูร กำเริบเสิบสานรุกรานทั้งสามโลก จับเทวดานางฟ้ากักขัง จนบรรดาทวยเทพต้องร่วมกันอ้อนวอนต่อองค์พระคเณศให้ช่วยเหลือ

มหายุทธ์ระหว่างพระคเณศกับอสูรสินธุ พระคเณศทรงประทับมาบนหลังนกยูง ใช้ขวานผ่าท้องสินธุ เอาหม้อน้ำอมฤตออกจากท้องแล้วสังหารสินธุด้วยการตัดหัว หลังจากที่หัวของสินธุขาดก็เกิดเป็นสีแดงสดใสสาดไปทั่วทั้งสวรรค์ บังเกิดเป็นผงเจิมสีแดงสดที่ใช้ในการบูชาเทพเจ้า ผงนี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "ผงสินธู" นั่นเอง และหัวของสินธุก็ตกอยู่ ณ หมู่บ้านโมเรกาวน์แห่งนี้

ปัญจเทวตา (มหาเทวะ 5 พระองค์ คือ พระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม พระศักติ และสุริยเทพ) ได้ขอให้พระคเณศประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป พระคเณศจึงเนรมิตสวยัมภูมูรติแห่งนี้ขึ้น และเนื่องจากพระคเณศทรงนกยูงมาในการปราบสินธุ สวยัมภูมูติแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า "ศรีมยุเรศวร"

ผู้ที่มาสักการะองค์ "พระศรีมยุเรศวร" จะปราศจากอุปสรรคและอันตรายใดๆมาแผ้วพาน


2. เทวสถานศรีจินตามณี

เทวสถานศรีจินตามณี

แห่งที่ 2 มีนามว่า เทวสถานศรีจินดามณี (Shri Chintamani) ตั้งอยู่ที่ เทอูร์ ห่างจากเมืองปูเน่ประมาณ 25 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในเทวสถานในกลุ่มอัษฏวินายักกะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่ง

เทวตำนานจากมุทคลปุราณะเล่าว่า กษัตริย์อภิจิต และ พระนางกุนวตี ทรงมีพระโอรสชื่อ คณราช ได้บำเพ็ญเพียรต่อองค์พระศิวะจนได้รับพรให้มีอำนาจเป็นใหญ่ในโลกทั้งสาม วันหนึ่งคณราชและกองทหารที่ติดตามออกมาล่าสัตว์ได้ผ่านมาทางอาศรมของ ฤาษีกปิละ (กปิล) จึงได้ขอพักเหนื่อยบริเวณอาศรม พระฤาษีมีความเมตตาให้การต้อนรับ พร้อมทั้งเชิญราชบุตรและผู้ติดตามกินอาหารที่อาศรม

พระฤาษีใช้ แก้วจินตามณี (จินดามณี-แก้วสารพัดนึก) เนรมิตอาหารเลี้ยงคณราชและกองทหารทั้งหมด เมื่อคณราชทราบว่าพระฤาษีมีแก้วที่ทรงคุณวิเศษ เกิดความโลภอยากได้จินดามณีมาก ถึงกับเอ่ยปากขอเอาดื้อๆ ฝ่ายพระฤาษีเห็นว่าเป็นของประทานจากองค์พระอินทร์ จึงปฏิเสธ เมื่อขอไม่ได้คณราชจึงใช้กำลังแย่งชิงจินดามณีมาเป็นของตน

อาศรมของพระฤาษีตกอยู่ในความลำบากเดือดร้อน เพราะขาดแคลนอาหารที่จะนำมาเลี้ยงคนในอาศรม ฤาษีกปิลจึงอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากพระคเณศ คืนนั้นคณราชฝันไปว่าฤาษีกปิลได้ยกกองกำลังมาเพื่อนำจินดามณีกลับคืน หนึ่งในพลเสนาของพระฤาษีได้ตัดหัวคณราชด้วยขวาน รุ่งเช้าจึงจัดแต่งกองกำลังเพื่อไปสังหารฤาษีกปิล

พระคเณศเสด็จมาช่วยฤาษีกปิล ทำลายกองกำลังของคณราชจนหมดสิ้น คณราชเข้าต่อสู้กับองค์พระคเณศ สุดท้ายถูกพระคเณศสังหาร

มหาราชอภิจิต บิดาของคณราช นำแก้วจินดามณีมาคืนแก่ฤาษีกปิล และขออภัยโทษในสิ่งที่คณราชทำ พระฤาษีอธิษฐานให้พระคเณศประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป และได้ถวายแก้วจินดามณีนั้นประดับแด่องค์พระคเณศ พระคเณศที่เทวสถานแห่งนี้จึงมีพระนามว่า "ศรีจินดามณี"

ผู้มาสักการะองค์ "พระศรีจินดามณี" จะสมหวัง ดังได้อธิษฐานต่อลูกแก้วจินดามณี


เทวสถานศรีสิทธิวินายัก

เทวสถานศรีสิทธิวินายกะ

แห่งที่ 3 มีนามว่า เทวสถานศรีสิทธิวินายกะ (Shri Siddhivinayaka) (ศรีสิทธิวินายกะ นี้เป็นคนละองค์กับ สิทธิวินายกะ ที่ปรากฎหน้าแรกของสยามคเณศ) ประดิษฐานอยู่ที่ สิทธาเทก ในคเณศปุราณะ ได้กล่าวถึงตำนานเทวสถานแห่งนี้ว่า ในขณะที่ พระพรหม รังสรรค์โลกและสรรพสิ่งทั้งหลายอยู่นั้น ครั้งนั้นพระองค์ได้ให้กำเนิดเทวีขึ้น 2 องค์คือ พระนางพุทธิ และ พระนางฤทธิ (ตามปุราณะนี้เชื่อว่าทั้งสองพระองค์เป็นพระธิดาของพรหมเทพ) พระองค์ได้ประทานบุตรีทั้ง 2 องค์นี้ให้เป็นชายาแก่ พระคเณศ

ในเวลานั้นเอง องค์พระหริวิษณุเทพ (พระนารายณ์) อยู่ในระหว่างบรรทมสินธุ์ ณ เกษียรสมุทร มูลพระกรรณ(หรือขี้หู) ของพระวิษณุ 2 เม็ดได้ไหลออกมาจากพระกรรณ กลายเป็นอสูร 2 ตนคือ มาธุสูร และ ไกตภสูร

พวกอสูรได้ก่อกวนองค์พระพรหมจนต้องเสด็จไปพึ่งพระวิษณุ เมื่อทราบเรื่องราวของอสูรแล้วจึงได้เสด็จไปปราบอสูรทั้งสอง แต่ก็ไม่สามารถกำราบอสูรลงได้จนเวลาผ่านไปถึง 5,000 ปี พระองค์จึงเสด็จไปพบองค์ พระศิวะ เพื่อปรึกษาหนทางที่จะปราบอสูร พระศิวะตรัสว่าเป็นเพราะพระวิษณุมิได้ทำการบูชาพระคเณศก่อนการรบกับอสูร จึงทำให้ไม่สามารถเอาชนะอสูรได้

พระวิษณุจึงไปบำเพ็ญเพียรที่ วิทธาเทก องค์พระคเณศปรากฎต่อพระวิษณุและให้พรในการปราบอสูร พระวิษณุเทพจึงสามารถสังหารอสูรทั้งสองลงได้สำเร็จ หลังจากนั้นพระวิษณุจึงสร้างเทวสถานขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อครอบสวยัมภูมูรติของพระคเณศ ณ สถานที่แห่งนี้ที่ทำให้พระองค์มีชัยชนะในสงคราม พระคเณศได้ประทานนามแก่เทวสถานแห่งนี้ว่า "สิทธิวินายกะ"

ผู้ใดได้สักการะองค์ "ศรีสิทธิวินายัก" นี้จะประสบความสำเร็จในการงานทุกประการ


เทวสถานศรีมหาคณปติ

เทวสถานศรีมหาคณปติ

แห่งที่ 4 มีนามว่า เทวสถานศรีมหาคณปติ (Shri Mahaganapati) อยู่ที่ รันชันทาวน์ ตามเทวตำนานจากคเณศปุราณะ เล่าว่า

ในเตรดายุค มีฤาษีพระองค์หนึ่งนามว่า คฤตสมาช วันหนึ่งขณะพระฤาษีกำลังบำเพ็ญเพียรภาวนา ได้จามออกมาเป็นกุมารน้อย มีผิวสีแดง พระฤาษีจึงได้สอนคเณศมนตราเพื่อให้ไปสวดบูชาพระคเณศ

กุมารน้อยบำเพ็ญเพียรด้วยการท่องมนตราผ่านไปนานห้าพันปี พระคเณศวรพึงพอใจจึงได้ประทานพรให้ กุมารขอให้มีอำนาจครอบครองจักรวาล ปกครองสรรพสิ่งทั้งหมด พระคเณศเห็นว่าพรนั้นยิ่งใหญ่เกินไป จึงประทานปราสาททองคำ ปราสาทเงิน และปราสาทโลหะให้แล้วตรัสว่า

"ต่อไปนี้เจ้าจะมีนามว่า ตรีปุระ หากวันใดเจ้าประพฤติผิดคิดชั่ว วิมานเหล่านี้ก็จะถูกทำลายด้วยอำนาจของศรเพียงดอกเดียว จากองค์พระศิวะมหาเทพ บิดาแห่งข้า"

แต่เมื่อตรีปุระมีอำนาจ เกิดความลำพองนำพลอสูรรุกรานไปทั้ง 3 โลก ถึงขนาดต้องการยึด เขาไกรลาส ขององค์พระศิวะมาเป็นของตน จึงยกกองกำลังอสูรเสนาทั้งหลายไปยังเขาไกรลาส

พระศิวะมหาเทพและพระอุมาเทพีออกมารับศึกที่ เขามันทระ แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะตรีปุราสูรได้ พระนารัทฤๅษีจึงได้แนะว่าควรจะบูชาพระคเณศก่อน พระศิวะได้บำเพ็ญสมาธิต่อพระคเณศ พระคเณศอำนวยพรแก่พระศิวะ โดยตรัสว่า "เมื่อท่านขานมนตราของเราแล้ว จงแผลงศรสู่วิมานของตรีปุราสูร"

พระศิวะจึงได้ขึ้นสายศรตั้งจิตมั่นในการปราบตรีปุราสรแผลงศรไปยังนครทั้ง 3 ของตรีปุราสูร ทันใดนั้นก็บังเกิดแสงสว่างเจิดจ้าราวอสนีบาตฟาด ลูกศรได้พุ่งทะลุปราสาททั้ง 3 มอดไหม้ไปในพริบตา ตรีปุราสูรล้มลงสิ้นชีวิต

เทวสถานศรีมหาคณปตินี้เป็นสถานที่ที่พระศิวะได้สวดมนต์บูชาต่อพระคเณศ เพื่อขอความสำเร็จ

ผู้ที่มาสักการะองค์ "ศรีมหาคณปติ" ที่นี่จะได้รับความสำเร็จสบปรารถนา


เทวสถานศรีวิฆเนศวร

เทวสถานศรีวิฆเนศวร

เทวสถานศรีวิฆเนศวร (Shri Viganeshwar) เป็นเทวสถานแห่งที่ 5 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำภีมะ ที่เมือง โอซาร์ (Ozar) ตามตำนานจาก มุทคลปุราณะ เล่าไว้ว่า

กษัตริย์อภินันทะ แห่ง ครเหมวัติ มีความปรารถนาในบัลลังก์ของ องค์เทวราชอินทรา จึงได้บำเพ็ญเพียรภาวนาอย่างหนัก ร้อนถึง พระอินทร์ จึงสร้างอสูรร้ายนามว่า วิฆนาสูร ลงไปทำลายพิธีกรรมของอภินันทะ อสูรที่ส่งไปไม่ได้ทำลายเฉพาะพิธีของกษัตริย์อภินันทะเท่านั้น แต่กลับทำลายยัญพิธีของ ฤๅษีมุนี ไปทั้งหมด ทำให้เดือดร้อนกันไปทั่ว เป็นเหตุให้ธรรมะเลือนหายไปจากโลก ทั้งสามโลกต้องตกอยู่ในความเดือดร้อนจากอำนาจของอสูร

บรรดาฤๅษีนักบวชทั้งหลายจึงไปขอร้องต่อองค์พระคเณศเพี่อให้ช่วยเหลือ พระองค์จึงอวตารมาเป็นบุตรของ ฤๅษีปารชวัส และ นางทีปวัสรา เพื่อปราบวิฆนาสูร ในการสู้รบนี้ อสูรใช้อำนาจแผลงฤทธิ์มากมายเช่นเรียกลมพายุ อุทกภัย และเพลิงเผาผลาญสรรพสิ่งให้พินาศ องค์คเณศก็ใช้อำนาจสยบอำนาจมายาของอสูรได้หมด ในที่สุดเมื่อไม่สามารถเอาชนะพระคเณศได้ วิฆนาสูรจึงมากราบแทบพระบาทถวายตัวต่อองค์พระคเณศ ขอให้ไว้ชีวิตและขอร้องให้พระคเณศใช้ชื่อของตัวเองรวมกับพระนามของพระคเณศ เพื่อเป็นการล้างบาปและเป็นบุญกุศลแก่อสูร เทวรูปพระคเณศที่นี่จึงได้รับขนานพระนาม "ศรีวิฆเนศวร" อันหมายถึงผู้ขจัดอุปสรรคและภยันตราย

ผู้ใดกล่าวบูชาพระนาม "ศรีวิฆเนศวร" ก่อนทำการใดๆ การนั้นจะประสบความสำเร็จและจะไม่เกิดอุปสรรคใดๆ จากวิฆนาสูร (อสูรแห่งอุปสรรค)


เทวสถานศรีคีรีจัตมากา

เทวสถานศรีคีรีจัตมากา

แห่งที่ 6 ต่อมาคือ เทวสถานศรีคีรีจัตมากา (Shri Girijatmaka) ที่เลนยาดรี (Lenyodri) คำว่า "เลน" หมายถึง ถ้ำ และคำว่า "ยาดรี" หมายถึงภูเขา คำว่า เลนยาดรี จึงหมายถึง ถ้ำในภูเขาเทวถานแห่งนี้เป็นถ้ำเจาะเข้าไปในภูเขา ต้องเดินขึ้นบันไดหินประมาณ 300 ขั้น

ตามตำนานในคเณศปุราณะกล่าวถึง พระแม่ปารวตี (พระอุมาเทวี) ได้ไปประกอบยัญพิธี เพื่อขอบุตรโดยพระแม่ปราวตีบำเพ็ญูเพียรอยู่ในถ้ำที่เมึองเลนยาดรีเเห่งนีั เป็นเวลานานถึง 12 ปี

วัน 4 ค่ำเดือน 19 (ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็น วันคเณศจตุรถี เทศกาลฉลองวันเกิดพระคเณศ)

พระแม่ปารวตีได้ปั้นดินเหนียวเป็นรูปพระคเณศแล้วประกอบพิธีบูชา ทันใดนั้นพระคเณศดินเหนียวก็บังเกิดชีวิตในขณะที่พระชนม์ 10 พรรษา

กมลาสูร ยกทัพจำนวนนับโกฏิมาทำสงครามกับพระคเณศ เมื่อเลือดของอสูรตกถึงพื้นก็จะบังเกิดอสูรขึ้นมาใหม่ สุดท้ายกมลาสูรโดนพระคเณศสังหารด้วยตรีศูลของพระองค์

จวบจนเมื่อพระองค์มีพระชนมายุครบ 15 ชันษาที่เมืองเลนยาดรีแห่งนี้ สินธุอสูรได้รู้ว่า ต่อไปตนเองจะต้องถูกสังหารโดยพระคเณศ จึงได้ส่งเหล่าอสูรไปสังหารพระองค์ แต่ก็ถูกพระคเณศปราบลงสิ้น ด้วยลีลาแห่งพระองค์ในลักษณะของ บัลคณปติ (บาละคณปติ-พระคเณศในลักษณะที่เป็นเด็ก) มีหลากหลาย ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่บังเกิดพระคเณศมีพระนามว่า "คีรีจัตมากา" อันหมายถึง "บุตรของพระแม่ปราวตี"


เทวสถานศรีบัลลาเลศวร

เทวสถานศรีบัลลาเลศวร

แห่งที่ 7 มีนามว่า ศรีบัลลาเลศวร (Shri Ballaleshwar) อยู่ที่ ปาลี เทวตำนานแห่งศรีบัลลาเลศวรจากคเณศปุราณะ เป็นเรื่องราวของสานุศิษย์ที่มีความรักความศรัทธาในองค์พระคเณศยิ่งนัก เด็กน้อยนามว่า บัลลา อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน เมืองปาลี เป็นลูกของ กัลยัน กับนาง อินทุมาตี เด็กน้อยมีความรักความศรัทธาตั้งมั่นในองค์พระคเนศตั้งแต่อายุยังน้อย วันหนึ่งบัลลาและเพื่อนๆได้ออกไปเที่ยวนอกหมู่บ้าน พบหินใหญ่ก้อนหนึ่ง บัลลาบอกเพื่อนๆว่าหินก้อนนั่นคือองค์พระคเนศวรและชวนเพื่อนๆ นำดอกไม้ใบไม้ต่างๆที่เป็นมงคลมาสักการะบูชาพระคเนศ พวกเด็กๆช่วยกันสร้างที่บังแดดบังฝนให้พระคเณศด้วยใบไผ่และใบไม้ต่างๆ รวมทั้งถวายดอกไม้ตกแต่งสวยงาม บัลลาเล่าเรื่องราวขององค์พระคเณศให้เพื่อนๆฟังอย่างมีความสุข บังเกิดความปีติอิ่มเอม ไม่รู้สึกหิวกระหายใดๆจนกระทั่งค่ำ

ที่หมู่บ้านบรรดาพ่อแม่ของเด็กๆต่างเป็นห่วงที่ลูกๆของตนหายไป จึงได้พากันไปด่าว่าพ่อแม่ของบัลลาที่มาชักชวนลูกๆของตนเอง พ่อของบัลลาโกรธมากจึงออกตามหาบัลลา พบว่าบัลลากำลังเล่าเรื่องราวในคเณศปุราณะให้เพื่อนๆฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ด้วยความโกรธพ่อของบัลลาจึงตรงเข้าไปทำลายแท่นบูชา ไล่ใหเด็กทั้งหมดกลับบ้านไป เฆี่ยนตีบัลลาจนเนื้อแตก แล้วผูกบัลลาไว้กับต้นไม้ แต่บัลลาก็ไม่ได้ใส่ใจ กลับตั้งจิตมั่นบูชาพระคเณศต่อ ทำให้พ่อยิ่งโกรธยกหินพระคเณศทุ่มทิ้งจากที่บูชาแล้วกล่าวกับบัลลาว่าี "ไหนดูซิพระเจ้าของเจ้าจะมาคุ้มครองเจ้ายังไง" ว่าแล้วก็กลับบ้านไปด้วยความโมโห ด้วยบาปที่พ่อของบัลลาได้ก่อทำให้กลายเป็นคนตาบอด หูหนวก เป็นใบ้ และหลังค่อม

พระคเณศเห็นความภักดีของบัลลาจึงได้ประทานพรให้ บัลลาจึงขอพรให้หลานที่แห่งนี้เป็ษสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ พระคเณศจึงได้เนรมิตสวยัมภูมูรติขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ประทานนามว่า "บัลลาวินายกะ" แต่ปัจจุบันรู้จักกันในนาม "ศรีบัลลาเลศวร"

ภายหลังแม่ของบัลลาได้มาขอร้องให้ช่วยพ่อซึ่งต้องคำสาปทำให้หลังค่อม ตาบอด หูหนวก เป็นใบ้ แต่บัลลาไม่สามารถช่วยได้ ได้แต่บอกมารดาให้กลับไปดูแลบิดาให้ดี ในชาติหน้ามารดาจะไปเกิดเป็นมเหสีแห่งกษัตริย์ แล้วบิดาคือกัลยันในชาตินี้จะไปเกิดเป็นลูกของนาง เขาจะต้องชดใช้บาปที่ทำในชาตินี้โดยเกิดมาหลังพิการ ตาบอด เป็นใบ้ หูหนวก เป็นที่รังเกียจต่อเมื่อได้บูชาพระคเณศด้วยความศรัทธาแล้ว เคราะห์กรรมจะหมดไป

ผู้ใดได้สักการะ "ศรีบัลลาเลศวร" ด้วยความรักและศรัทธาต่อองค์พระพิฆเนศวร์จะได้รับพรจากพระองค์


เทวสถานศรีวรัทวินายกะ

เทวสถานศรีวรัทวินายกะ

เทวสถานแห่งที่ 8 แห่งสุดท้ายในอัสตะวินายัก มีนามว่า "ศรีวรัทวินายกะ" (Shri Varadvinayaka) ตั้งอยู่ที่ มาหัท จากคเณศปุราณะและมุทคลปุราณะว่าไว้ดังนี้

สืบเนื่องมาจากเรื่องของ บัลลา กาลเวลาผ่านไป ทุกสิ่งเกิดขึ้นตามที่บัลลากล่าวไว้ อินทุมาตี ไปเกิดเป็น กมลา มเหสีของกษัตริย์ กัลยัน มาเกิดเป็น ทักษะ ลูกชายของนาง รูปกายอัปลักษณ์ ผิวหนังพุพอง ตาบอดเป็นใบ้หูหนวก สุดท้ายถูกขับออกจากเมือง ต้องเป็นขอทานเพื่อยังชีพ จนได้พบฤๅษีองค์หนึ่งช่วยรักษาให้กลับมามีวรรณะงาม หายจากการพิการ หลังจากนั้นทักษะก็อุทิศตนบูชาพระคเนศด้วยการบำเพ็ญตบะอย่างยิ่งยวด

กาลต่อมาทักษะได้รับการสถาปนาเป็นกษัตริย์แห่งกันตินาปุระ ครองเมืองอย่างร่มเย็น ไปจนถึงรัชสมัยของกษัตริย์ "ภีมะ" มีพระโอรสนามว่า "รุกมาคันฑา" มีพระสิริโฉมงดงามหาใดเปรียบ วันหนึ่งราชบุตรได้ออกล่าสัตว์ในป่า ไปพบอาศรมของ พระฤๅษีวาจนกวี วันนั้นพระฤๅษีไม่อยู่ อยู่เพียงนาง มุกุนทา ผู้เป็นภรรยา เมื่อราชบุตรมาขอน้ำดี่มนางมุอุนทาจึงเอ่ยปากขอมีความสัมพันธ์ ทำให้รุกมาคันทาโกรธต่อว่านาง นางมุกนทาจึงได้สาปราชบุตรให้อัปลักษณ์เป็นโรคเรื้อน ทำให้ต้องไปอยู่ในป่าด้วยความอับอาย ไม่กล้ากลับพระนคร ต่อมาพระนารัทมุนีได้บอกวิธีแก้คำสาปให้

หลังจากที่นางมุกุนทาสาปพระโอรส ก็เฝ้าแต่คิดถึงพระสิริโฉมของพระองค์ พระอินทร์ ได้ทราบความ ทั้งเห็นว่านางมุกุนทานี้ก็มีความงาม จึงได้แปลงกายมาเป็นราชบุตรรุกมาคันทา เข้าไปมีความสัมพันธ์กับนางมุกุนทาจนนางตั้งครรภ์ให้กำเนิดบุตรชายนามว่า ครุตสมัท นางอ้างว่าบุตรผู้นี้เป็นบุตรที่เกิดกับพระฤาษีสวามีของนาง

วันหนึ่งฤาษีวาจนกวีได้เชิญเหล่าฤๅษีมาที่อาศรม เมื่อเหล่าฤๅษีมาถึงจึงได้บอกแก่พระฤๅษีว่าครุตสมัทไม่ใช่บุตรของฤๅษีวาจนกวี เมื่อครุตสมัททราบความจริงจึงโกรธมารดามาก สาปให้นางกลายเป็นต้นไม้ นางมุกุนทาก็สาปครุตสมัทให้กลายเป็นรากษส

ครุตสมัทต้องคำสาปของมารดาก็เข้าไปอยู่ในป่า รับประทานแต่ใบไม้ และสวดอ้อนวอนต่อพระคเณศถึง 6,000 ปี จนพระคเณศพึงพอใจ ปรากฏพระองค์ต่อหน้าครุตสมัท โดยครุตสมัทขอให้บริเวณป่าปุษปักแห่งนี้เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดต้องการความสุขสำเร็จ เมี่อได้เข้ามาสักการะและอาบน้ำในป่าแห่งนี้ก็จะได้รับความสุขสมดังประสงค์

เมื่อพระคเณศจากไป ครุตสมัทได้สร้างวัดครอบสวยัมภูมูรติที่พระคเณศเนรมิตขึ้น พร้อมทั้งขานพระนามวัดแห่งนี้ว่า "วรัทวินายกะ"

ผู้ที่มาสักการะ "ศรีวรัทวินายกะ" จะปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง



แผนที่ระบุตำแหน่ง "อัสตะวินายัก" เทวสถานพระพิฆเณศวร์ทั้งแปดแห่ง ณ ประเทศอินเดีย
ขอขอบคุณ : นิตยสารต่วยตูนพิเศษ


---------------- อ่านเรื่องเทพเจ้าเพิ่มเติม ----------------
หน้าแรก-องค์เทพ (สยามคเณศ)
ศาสนาพราหมณ์ ศาสนาฮินดู เทพเจ้าอินเดีย
พระพรหม ท้าวมหาพรหม พระพรหมเอราวัณ ศาลพระพรหม
, พระวิษณุ พระนารายณ์ พระนารายณ์ทรงครุฑ
นารายณ์ทรงสุบรรณ คาถาบูชาพระนารายณ์สิบปาง

, พระศิวะ พระอิศวร , พระราม รามเกียรติ์ รามายณะ ,
พระกฤษณะ ภควัทคีตา มหาภารตะ ,
ครุฑ พระยาครุฑ พญาครุฑ
วิธีไหว้พญาครุท ตำนานพญาครุท บทบูชาพญาครุท
,
พญานาค พระยานาค วิธีบูชาพญานาค การไหว้พญานาค

พระแม่อุมาเทวี เจ้าแม่อุมาเทวี , พระแม่กาลี เจ้าแม่กาลี ,
พระแม่ทุรคา เจ้าแม่ทุรกา , พระตรีมูรติ การบูชาพระตรีมูรติ
พระแม่ลักษมี เจ้าแม่รัศมี พระนางลักษมี พระลักษมี ,
พระแม่สรัสวตี พระสรัสวดี พระแม่สุรัสวตี พระสุรัสวดี ,
พระขันทกุมาร การบูชาพระขันธกุมาร ,
หนุมาน พระหนุมาน องค์หนุมาน การไหว้หนุมาน ,
พระอินทร์ พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ

ท้าวจตุโลกบาล - เทพผู้รักษาประจำทิศ เทพประจำทิศ ,
ท้าวเวสสุวัณ ท้าวเวสสุวรรณ ท้าวกุเวร
พระแม่คงคา แม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย
, พระแม่ธรณี , พระแม่โพสพ

-------------- สถานที่ ศาล เทวาลัย เพื่อการกราบไหว้ขอพร --------------
วัดเทพมณเฑียร วัดเทพมณเทียร , เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ เสาชิงช้า
, วัดวิษณุ ยานนาวา , พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ พิพิธภัณฑ์พระพิฆเณศวร์ เชียงใหม่
,
ศาลพระพิฆเนศห้วยขวาง พระพิฆเณศสี่แยกห้วยขวางรัชดาภิเษก , เสาชิงช้า
,
พระพิฆเนศนครนายก พระพิฆเณศที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ปางนั่ง-ปูนปั้น)
,
พระพิฆเนศฉะเชิงเทรา พระพิฆเนศที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ปางยืน-สำริด)
วัดพระศรีมหาอุมาเทวี สีลม วัดแขกสีลม นวราตรี งานนวราตรี
เมืองโบราณ สมุทรปราการ , พิพิธภัณฑ์ช้างสามเศียร ช้างเอราวัณ สมุทรปราการ
ช้าง 3 เศียร พิพิธภัณฑ์ช้าง 3 เศียร จังหวัดสมุทรปราการ

โครงการ "พันเทวาลัย ล้านศรัทธา"
รวมสถานที่สักการะเทพเจ้าของพราหมณ์ฮินดูทั่วประเทศไทย

ศาลพระพิฆเณศวร์ เทวาลัยพระศิวะ วัดแขก โบสถ์พราหมณ์ เทวสถาน | เทวาลัยพระวิษณุ ศาลพระพรหม วัดแขก พระแม่อุมาเทวี

----------------- เทศกาล งานสำคัญต่างๆ -----------------
- "คเณศจตุรถี" งานแห่พระพิฆเณศวร์ วันคเณศจตุรถี วันประสูติพระพิฆเนศวร์
- "นวราตรี" งานวัดแขก งานแห่พระแม่อุมาเทวี ร่างทรงพระแม่อุมา งานนวราตรี
- "มหาศิวราตรี" เทศกาลมหาศิวาราตรี วันบูชาพระศิวะในงานมหาศิวะราตรี
- "ดีปาวลี" ดีวาลี่ ทีปาวาลี เทศกาลดีปาวาลี งานบูชาพระแม่ลักษมีในงานดีปาวรี
- "พระราชพิธีตรียัมปวาย" งานตรียัมปวาย งานประจำปี เทวสถานโบสถ์พราหมณ์
- โบสถ์พราหมณ์ การเดินทางไปโบสถ์พราหม์ แผนที่โบสถ์พราห์ม
, พระราชพิธีแรกนาขวัญ งานแรกนาขวัญ

[ การบูชาเทพเจ้า ]
- รวมบทสวดมนต์บูชาพระพิฆเนศวร
คาถาบูชาพระพิฆเณศวร์ การไหว้องค์เทพ บูชาเทพ วิธีบูชาองค์เทพ


- ความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการบูชาเทพ การไหว้เทพฮินดู
- เครื่องหมายโอม...สัญลักษณ์โอม และวิธีการสวดบูชา | - เครื่องหมายสวัสดิกะ...สัญลักษณ์สวัสติกะแห่งพระพิฆเนศ

[ เรื่องร่างทรง ]
เรื่องร่างทรง 1 - เตือนใจเรื่องร่างทรง มารสังคมที่ต้องระวัง (รับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง มีองค์ คนมีองค์ องค์เทพ)
เรื่องร่างทรง 2 - คนมีองค์ กับ ร่างทรง ต่างกันอย่างไร ? (รับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง มีองค์ คนมีองค์ องค์เทพ)
เรื่องร่างทรง 3 - ร่างทรงกำลังทรงเจ้า หรือกำลังโดนผีสิง ? (รับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง มีองค์ คนมีองค์ องค์เทพ)
เรื่องร่างทรง 4 - การรับขันธ์ อันตรายถึงชีวิต! (รับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง มีองค์ คนมีองค์ องค์เทพ)
เรื่องร่างทรง 5 - ตอบคำถามร่างทรง (รับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง มีองค์ คนมีองค์ การทรงเจ้า องค์เทพ)
เรื่องร่างทรง 6 - ถอนขันธ์ ลาขันธ์ (การรับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง มีองค์ คนมีองค์ คนทรงเจ้าองค์เทพ)
เรื่องร่างทรง 7 - รวมข่าวร่างทรงถูกจับ (การรับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง มีองค์ คนมีองค์ คนทรงเจ้า องค์เทพ)

[ พระศิวะมหาเทพ ]
1. ตำนานพระศิวะ | 2. รูปลักษณ์ แห่งพระศิวะ วิธีบูชาพระศิวะมหาเทพ  |  3. เมล็ดรุทรักษะ เมล็ดน้ำตาพระศิวะ
4. โคนนทิ พาหนะแห่งพระศิวะ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์  |  5. ศิวะนาฏราช พระศิวะร่ายรำ ปางของพระศิวะ
6. ศิวลึงก์ สัญลักษณ์แทนองค์พระศิวะ การบูชาศิวลึงค์  |  7. คาถา บทสวดมนต์ การบูชาพระศิวะ

[ พระประจำวันเกิด , นวนพเคราะห์ ]
พระประจำวันเกิด พระประจำวันอาทิตย์ พระประจำคนเกิดวันอาทิตย์ พระสุริยะเทพ (พระอาทิตย์)
พระประจำวันเกิด พระประจำวันจันทร์ พระประจำคนเกิดวันจันทร์ พระจันทร์ 
พระประจำวันเกิด พระประจำวันอังคาร พระประจำคนเกิดวันอังคาร พระอังคาร ,
พระประจำวันเกิด พระประจำวันพุธ พระประจำคนเกิดวันพุธกลางวัน พระพุธ
พระราหู การไหว้พระราหู วิธีบูชาพระราหู คาถาบูชาพระราหู พระประจำวันเกิด พระประจำคนเกิดวันพุธกลางคืน
พระประจำวันเกิด พระประจำวันพฤหัสบดี พระประจำคนเกิดวันพฤหัสบดี พระพฤหัสบดี
พระประจำวันเกิด พระประจำวันศุกร์ พระศุกร์  , พระประจำวันเสาร์ พระประจำวันเกิด พระเสาร์ , พระเกตุ

รวมโองการเชิญเทพ / บทไหว้ครู / กลอนไหว้ครูของไทย
สำหรับผู้ศรัทธาในเทพทุกระดับชั้น เพื่อการบวงสรวงบูชาเทพในพิธีอันเป็นสิริมงคลต่างๆ
โองการเชิญเทพ - พระราชนิพนธ์ ขอพรพระคเณศ
โองการเชิญเทพ - พระราชนิพนธ์ บทเสมาสามัคคีเสวก
เชิญเทพ โดย ขุนสารประเสริฐ 1
เชิญเทพ โดย ขุนสารประเสริฐ 2
เชิญเทพ โดย ขุนสารประเสริฐ 3
นมัสการเทพ (สามัคคีประเภทคำฉันท์)
เชิญเทพ - กรมพระยาเดชาดิศรฯ 1
เชิญเทพ - กรมพระยาเดชาดิศรฯ 2
เชิญเทพ - ร.6 (เสื้อเมือง หลักเมือง)
เชิญเทพ - รัชกาลที่ 6 (ทวยเทพ)
โองการเชิญเทพ - บวงสรวงท้าวโลกบาล
บทอัญเชิญเทพประจำเมือง











วิธีการบูชาเจ้าแม่กาลี พระแม่กาลี การไหว้พระแม่การี
จำหน่ายหนังสือบูชาองค์เทพ คู่มือบูชาเทพ
หนังสือบูชาพระพิฆเณศวร์ หนังสือธรรมะศาสนาพุทธ ธรรมะในศาสนาฮินดู
ความรู้เรื่องการบูชาองค์เทพของอินเดีย หนังสือศาสนาพราหมณ์


สั่งพิมพ์หนังสือสวดมนต์ พิมพ์หนังสือธรรมะ
สั่งพิมพ์หนังสือองค์เทพ เพื่อแจกจ่าย ทำบุญด้วยหนังสือสวดมนต์












ตำนานองค์เทพ วิธีบูชา แนวทางการปฏิบัติ พิธีกรรมบูชา คำสอนต่างๆ
รวมรูปภาพองค์เทพ รูปองค์เทพต่างๆ
แหล่งสักการะ ศาลพระพรหม เทวาลัย ศาลพระพิฆเนศต่างๆ
งานบุญ การทำบุญ กิจกรรมการกุศลต่างๆ
ตำนานพระเกจิ ประวัติหลวงพ่อต่างๆ
รวมข้อมูลวัดไทย การเดินทางไปวัด การท่องเที่ยว ไหว้พระ 9 วัด แผนที่วัด

ข่าวงานบุญ การทำบุญ พระราชพิธีต่างๆ / บทความ ศาสนาพราหมณ์ งานวิจัย โบราณคดี เทววิทยา /
รูปภาพพระพิฆเณศวร์ พระคเณศวร องค์พระพิฆเณศ / รูปภาพพระศิวะ พระอิศวร /
รูปพระแม่อุมาเทวี พระแม่กาลีเทวี พระแม่ทุรกา พระแม่ทุรคาเทวี /
รูปภาพพระแม่ลักษมีเทวี พระลักษมี / รูปพระวิษณุ พระนารายณ์
รูปภาพในศาสนาพราหมณ์ พิธีกรรมของศาสนาฮินดู ชาวอินเดีย ชาวฮินดู พราหมณ์ /
ความรู้เรื่องเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ การประกอบพิธีกรรมวิธีบูชาองค์เทพ / ความรู้เรื่ององค์เทพ การบูชาเทพ


ติดต่อสยามคเณศได้ที่ siamganesh@gmail.com

ขออำนาจแห่งพระพิฆเนศวรโปรดดลบันดาลให้ท่านทั้งหลายล้วนประสบแต่ความสำเร็จในทุกๆประการด้วยเทอญ

สงวนลิขสิทธิ์ SiamGanesh.com, All Rights Reserved.