|
|
โครงการ
"พันเทวาลัย ล้านศรัทธา"
เชิญร่วมส่งภาพถ่าย ศาล เทวาลัย วัด ที่มีองค์เทวรูปใกล้บ้านท่าน
รูปภาพที่ผ่านการคัดเลือกจะได้ลงแนะนำในหมวด
"สถานที่สักการะทั่วประเทศไทย"
พร้อม ชื่อ-นามสกุล ของผู้ถ่ายภาพ ติดอยู่กับภาพนั้นๆ
ด้วย
วัตถุประสงค์เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ศรัทธา เป็นเสมือนคู่มือการเดินทางไปสักการะยังที่ต่างๆ
อาจจะเป็นไปได้ที่ในจังหวัดของท่านจะมีเทวรูปพระพิฆเนศหรือเทพเจ้าองค์สวยๆตั้งอยู่
โดยที่ไม่มีใครรู้
และจะดีกว่าไหม..ถ้าเราได้รวบรวมมาลงในเว็บไซต์ให้มากที่สุด
เพื่อเป็นคู่มือการเดินทางแสวงบุญให้กับผู้ศรัทธา...
ท่านที่อยู่ในจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้านต่างๆ
หากท่านพบเห็นหรือทราบว่าแถวบ้านของท่านมีเทวรูปประดิษฐานอยู่
(เฉพาะเทวรูปเทพเจ้าของพราหมณ์)
ขอเชิญถ่ายภาพแล้วส่งเมล์มาให้เราด้วยครับ จะได้นำลงเว็บ
เพื่อแบ่งให้ผู้ศรัทธาท่านอื่นๆชม
ถ่ายมาได้เลยครับ ทั้งศาลพระพิฆเนศ เทวาลัยพระศิวะ ศาลพระแม่ต่างๆ
เทวรูปพระนารายณ์ ศาลเจ้าต่างๆ ฯลฯ
วัดตามหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลความเจริญ อาจจะมีเทวาลัยเทพเจ้าขนาดเล็กๆ
ตั้งอยู่ แต่ไม่มีคนสนใจ ถูกละเลยปล่อยทิ้งไว้
เมื่อเราได้ลงรูปในเว็บสยามคเณศนี้ อาจจะมีผู้สนใจไปกราบไหว้
ตลอดจนมีคนไปทำบุญ
หรือมีสมาชิกไปช่วยกันทำความสะอาด บูรณะซ่อมแซมเทวรูปหรือศาลนั้นๆให้ดูดีและสวยงามขึ้นก็ได้ครับ
วิธีการร่วมมือ : ถ่ายภาพด้วยวิธีใดก็ได้ครับ
(กล้องดิจิตอล, กล้องมือถือ) เอาชัดๆอย่าเล็กเกินไปนะครับ
ถ่ายมาหลายๆมุมเลยครับ ด้านหน้า ด้านข้าง ป้ายชื่อเทวาลัย
บริเวณโดยรอบ ฯลฯ
แล้วส่ง E-mail มาที่ siamganesh@gmail.com พร้อมแจ้งข้อมูลดังนี้...
- ชื่อ-นามสกุล ของผู้ถ่ายภาพ เพื่อเราจะได้ติดชื่อของท่านไว้บนรูปภาพทุกรูปครับ
- ชื่อสถานที่ เช่น ชื่อวัด ชื่อเทวาลัย ถนน สี่แยก หมู่บ้าน
ตำบล อำเภอ จังหวัด
- วิธีเดินทางไปสักการะ เวลาเปิดปิดของวัดหรือสถานที่นั้นๆ
ฯลฯ (เอาเท่าที่จะหาข้อมูลได้ก็พอครับ)
- หากได้ข้อมูลมาจากหนังสือหรือเว็บใดโปรดแจ้งชื่อหนังสือหรือบอกชื่อเว็บนั้นๆกับเราด้วยครับจะได้ลงขอบคุณไปด้วย
เรายังยินดีลงประชาสัมพันธ์ศาลหรือเทวาลัยที่มีผู้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสาธารณะ
หรือที่อยู่ในวัดต่างๆ
รวมทั้งศาลพระพิฆเนศ ศาลพระพรหม ฯลฯ ที่ตั้งอยู่บริษัทเอกชน
หรืออยู่ในหน่วยงานราชการ
โรงพยาบาล โรงเรียน โรงแรม สนามกีฬา มหาวิทยาลัย สถาบันองค์กรหน่วยงานต่างๆ
เราก็ยินดีลงให้เต็มที่ครับ
เชิญส่งมาได้เลยนะครับ การแนะนำสถานที่สักการะแก่ผู้อื่นถือว่าได้กุศลด้วยครับ
(แต่ถ้าเป็นเทวรูปของตำหนักทรง เราอาจจะพิจารณาไม่ลงให้ครับ
ยังไงลองส่งมาดูก่อนครับ)
ขอบพระคุณครับ / siamganesh
มีของรางวัลและวัตถุมงคลมอบให้ทุกท่านที่ส่งรูปภาพมาลงในหน้านี้ครับ!!
......................................................................................................................................................
|
|
ภาพโดย : จินดาภรณ์ กลิ่นไพบูลย์
/ ศุฆราภรณ์ กลิ่นไพบูลย์ |
ชื่อสถานที่ : อุทยานพระพิฆเนศ จ.นครนายก |
ข้อมูลสถานที่ : เป็นที่ประดิษฐานเทวรูปพระพิฆเณศวรขนาดใหญ่
มีความสูงถึง 9 เมตร
สถานที่แห่งนี้จัดสร้างโดย พระราชพิพัฒน์โกศล
หรือ หลวงพ่อเณร เจ้าอาวาสวัดศรีสุดาราม บางขุนนนท์
กรุงเทพฯ
ภายใน อุทยานพระพิฆเณศ ผู้ศรัทธาจะพบกับความอลังการของเทวรูปพระพิฆเนศขนาดมหึมา
นอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงพระพิฆเนศปางต่างๆ
ถึง 108 ปาง
และ หอมหาเทพ ซึ่งประดิษฐานมหาเทพสูงสุดทั้ง
3 พระองค์คือ พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ |
เทวรูปที่ประดิษฐาน : พระพิฆเนศ
ปูนปั้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ปั้นจากเนื้อปูนที่รวบรวมมาจากเกษตรตำบลทั่วประเทศไทยรวมกว่า
73,000 ตำบล นอกจากนั้นยังมี เทวรูปพระพิฆเนศ
108 ปาง พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ พระบรมสารีริกธาตุจากเก้าประเทศ
|
ตั้งอยู่ที่ : บริเวณสี่แยกประชาเกษม
หมู่ 11 ถนนนครนายก-น้ำตกสาริกา ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก |
เวลาเปิด : เปิดให้สักการะได้ทุกวัน
ชมรูปภาพของอุทยานพระพิฆเนศนครนายกเพิ่มเติมได้ที่นี่ |
................................................................................................................................................... |
|
ภาพโดย : ทีมงานสยามคเณศ |
ชื่อสถานที่ : พระพิฆเณศ วัดหลวงพ่อปากแดง
(วัดพราหมณ์มณี ) จ.นครนายก |
ข้อมูลสถานที่ : วัดพราหม์มณี
หรือ วัดหลวงพ่อปากแดง ถือเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งใน
จ.นครนายก สร้างขึ้นในสมัยของพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ.2446 ปัจจุบันนี้มีอายุ 100 กว่าปีแล้ว
วัดพราหม์มณี มีพระประธานศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นที่เคารพนับถือกันอย่างกว้างขวาง
มีชื่อว่า "หลวงพ่อปากแดง" เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ
สร้างด้วยโลหะสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 49 นิ้ว สูง 1 เมตร
เป็นศิลปะสมัยล้านช้าง ซึ่งต่อมา "หลวงพ่อปากแดง"
ก็กลายมาเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของชาว จ.นครนายก จนทุกวันนี้
โดยความเชื่อของประชาชนนั้น ประชาชนที่เดินทางไปเที่ยวน้ำตกสาริกา
จะต้องแวะกราบสักการบูชาพร้อมทั้งตั้งจิตอธิษฐานให้สมความปรารถนา
ภายในวัดมีศาลเทพเทวดาให้กราบสักการะมากมาย |
เทวรูปที่ประดิษฐาน : พระพิฆเนศ
มีจำนวนมากมายนับสิบๆองค์ เทวาลัยพระแม่กวนอิม
ศาลเทพเทวดาต่างๆ |
ตั้งอยู่ที่ : ถนนสาริกา-นางรอง หลักกิโลเมตรที่
4 ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก |
เวลาเปิด : ตามเวลาวัด 6.00
- 18.00 น. |
................................................................................................................................................... |
|
ภาพโดย : ทีมงานสยามคเณศ |
ชื่อสถานที่ : พระพิฆเนศ วัดนางรอง จ.นครนายก |
ข้อมูลสถานที่ : วัดนางรอง
นครนายก ชาวบ้านในระแวกนั้นรู้จักกันในชื่อ วัดเจ้าแม่กวนอิม
เนื่องเป็นเป็นที่ประดิษฐานเทวรูปพระแม่กวนอิมขนาดใหญ่โตมหึมา
ในวัดนางรองนี้มีเทวรูปและศาลเทพเจ้าต่างๆให้กราบสักการะมากมาย
ประดิษฐานพระบรมรูปหล่อเท่าองค์จริงในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
รัชกาลที่ 8 มีจุดชมทิวทัศน์บน วิหารระฆังที่สูงจากพื้นดินประมาณ
18 เมตร แบ่งเป็น 5 ชั้น เป็นจุดชมวิวรอบ ๆ และสามารถมองเห็นเขื่อนขุนด่านปราการชลได้อย่างชัดเจน |
เทวรูปที่ประดิษฐาน : พระพิฆเนศ
มีจำนวน 5 องค์ พระแม่กวนอิมขนาดใหญ่
พระสังกัจจายน์ ท้าวจตุคามรามเทพ พระสีวลี พ่อปู่ฤาษี
ปู่ชีวกโกมารภัจจ์ พระบรมรูปรัชกาลที่ 8 และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกมากมาย |
ตั้งอยู่ที่ : หมู่ที่ 3 ตำบลหินตั้ง
อำเภอเมือง จ.นครนายก
(อยู่ในเส้นทางไปน้ำตกนางรอง เลยอุทยานพระพิฆเนศและวัดหลวงพ่อปากแดงไป
ทางเดียวกับที่จะไปวังตะไคร้ วัดจะตั้งอยู่บนดอย) |
เวลาเปิด : ตามเวลาวัด 6.00
- 18.00 น. |
................................................................................................................................................... |
|
ภาพโดย : ณัฐวรรธน์ มูลพิมพ์ |
ชื่อสถานที่ : พระพิฆเนศปางนอน องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ริมแม่น้ำบางปะกง วัดสมานรัตนาราม (วัดใหม่ขุนสมาน) อ.เมือง
จ.ฉะเชิงเทรา |
ข้อมูลสถานที่ : วัดสมานรัตนาราม
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง บ้านหมู่ที่ 11 ตำบลบางแก้ว
(ตำบลไผ่เสวกเดิม) อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา และใกล้กับโครงการเขื่อนทดน้ำบางปะกง
ชาวบ้านโดยทั่วไปมักเรียกวัดนี้ว่า วัดใหม่ขุนสมาน
เมื่อเวลาสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรสเสด็จออกตรวจสังฆมณฑลทางเรือตามลำแม่น้ำบางปะกง
พระองค์ได้เยี่ยมวัด ทรงเห็นป้ายชื่อวัดว่าไม่สอดคล้องกับตำบลไผ่แสวก
พระองค์จึงทรงตั้งชื่อเสียใหม่ว่าวัดไผ่แสวก เพื่อให้สอดคล้องกับตำบลดังกล่าวแล้ว
ครั้นกาลเวลาล่วงเลยมานานหลายสิบปี ทางราชการได้ยุบตำบลไผ่แสวกไปรวมกับตำบลบางแก้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ มีพระเถระผู้ใหญ่พร้อมด้วยภิกษุสามเณรชาวบ้านอุบาสกอุบาสิกาต่างก็มีความเห็นพร้องกันว่าสมควรที่จะเปลี่ยนชื่อวัดเสียใหม่
คือ ให้มีชื่อคำว่าสมาน เพราะเป็นตระกูลที่สร้างวัดและคำว่าแก้ว
เพื่อให้สอดคล้องกับตำบล จึงขออนุญาตทางราชการตั้งชื่อวัดเสียใหม่ว่าวัดสมานรัตนารามมาจนทุกวันนี้
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ
ทรงโปรดพระราชทานให้ พระคูรธรรมธร ไพรัตน์ ปัญญาธโร ประธานจัดสร้างพระพิฆเนศปางนอนใหญ่ที่สุดในโลกเข้าเฝ้า
เพื่อทูลถวายพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุของค์ต้นแบบ
ข้อมูลเพิ่มเติม แผนที่ เข้าชมได้ที่ http://www.watsaman.com |
เทวรูปที่ประดิษฐาน : พระพิฆเนศ
ปางนอนเสวยสุข หรือ ปางเอกเขนก เนื้อปูนปั้น
องค์สีชมพู
มีสี่พระกร ทรงดอกบัว งาหัก อีกสองพระกรไม่ทรงศาสตราวุธ
ประทับในท่าสุขสบาย |
ตั้งอยู่ที่ : ตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง
จังหวัดฉะเชิงเทรา (อยู่ไม่ไกลจากวัดหลวงพ่อโสธร) |
เวลาเปิด : เปิดให้สักการะได้ทุกวัน |
................................................................................................................................................... |
|
ภาพโดย : ทีมงานสยามคเณศ |
ชื่อสถานที่ : มหกรรมปั้นทรายโลก ฉะเชิงเทรา |
ข้อมูลสถานที่ : Haarlemmermeer
เป็นงานมหกรรมปั้นทรายภายในอาคารที่ใหญ่ที่สุดของโลก
การจัดแสดงการปั้นทรายที่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ ในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน
ปี 2008
สำหรับความเป็นมาของปั้นทรายในประเทศไทย นาย Klass Eppo
Vogel ได้วางแผนการจัดงานมหกรรมปั้นทรายโลก ได้ทำการค้นคว้าการสร้างสิ่งก่อสร้างปั้นทรายโลกในประเทศไทย
บริษัท เอ็ดดูเทนเม้นท์ เพลนเน็ท จำกัด ได้ร่วมมือกับ
สำนักงานเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ได้จัดงานนี้ขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 80 พรรษา ด้วยผลงานกว่า
30 ชิ้นงาน การจัดงานมหกรรมปั้นทราย เป็นที่นิยมในทวีปยุโรป
โดยเคยจัดงานมาแล้ว ในประเทศ เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส
เบลเยี่ยม ฮอลแลนด์ ฯลฯ
ในงาน มหกรรมปั้นทรายโลก จะมีผลงานของนักปั้นทรายนานาชาติ
โดยความร่วมมือจัดการแสดงระหว่าง กลุ่มมิตรผล/ บริษัทเอ็นดูเทนเม้นท์
เพลนเน็ท จำกัด/ จังหวัดฉะเชิงเทรา และเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา
ณ บริเวณสนามด้านข้างถนนศรีโสธรตัดใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา
ด้วยผลงานกว่า 80 ชิ้น บนเนื้อที่ราว 12 ไร่ จากฝีมือสุดยอดนักปั้นทรายชาวไทยและชาวต่างชาติมืออาชีพกว่า
70 ชีวิต จากประเทศเนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม สาธารณเช็ค
ไอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา และไทย โดยแบ่งงานที่จัดแสดงเป็น
3 ส่วน
ส่วนแรก : ประติมากรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เป็นส่วนที่เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
แสดงถึงพระราชกรณียกิจตลอดเวลากว่า 60 ปีที่ทรงครองราชย์
พระองค์ทรงบำรุงสุขให้ปวงชาวไทย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของไทย
อาทิ กังหันชัยพัฒนา เขื่อนภูมิพล โครงการฝนหลวง วงดนตรีแจ๊ส
สวนแม่ฟ้าหลวง พระตำหนักดอยตุง เป็นต้น
ส่วนที่สอง : ประติมากรรมทรายวรรณประวัติแห่งไทย
เป็นนิทรรศการภายในเต็นท์มืด ประกอบด้วยประติมากรรมทรายที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวรรณคดีไทย
ในระบบแสง สี เสียง มี 11 ชุด อาทิ ยักษ์ 2 ตน วัดพระแก้ว
วัดโสธรวรารามวรวิหาร สมเด็จพระนเรศวรกระทำยุทธหัตถี ตัวละครต่างๆ
ในวรรณคดีไทย เป็นต้น
ส่วนที่สาม : เป็นประติมากรรมนานาชาติ จำนวน
13 ประเทศ อาทิ นักวาดภาพและหอไอเฟิล จากประเทศฝรั่งเศส
ทหารองครักษ์และหอนาฬิกาบิ๊กเบน ประเทศอังกฤษ รูปปั้นเทพีเสรีภาพและวิวเมืองแมนฮัตตัน
ประเทศสหรัฐอเมริกา และจากประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ |
เทวรูปที่ประดิษฐาน : พระพิฆเนศ
พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ ปั้นจากทรายเป็นเทวรูปขนาดใหญ่
นอกจากนี้ยังมี พญานาค
พญาครุฑ เทพนพเคราะห์ประจำวันเกิด ได้แก่ พระอาทิตย์ พระจันทร์
พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู
พระเกตุ ภาพจากเรื่องรามเกียรติ์ หนุมานพญาวานร ทศกัณฑ์
ชมความอลังการของพระพุทธรูปปางต่างๆ อีกมากมาย
เรือพระที่นั่ง ฯลฯ |
ตั้งอยู่ที่ : จ.ฉะเชิงเทรา ใกล้อนุสาวรีย์พระยาศรีสุนธรโวหาร
และ วัดโสธรวรารามวรวิหาร |
เวลาเปิด : 10.00 - 17.00
น. เข้าชมรายละเอียดได้ที่ www.thaisandcity.com โทรศัพท์
0-3851-5120-1 |
................................................................................................................................................... |
|
ภาพโดย : religiouspark.org |
ชื่อสถานที่ : อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม
จ.เพชรบุรี |
ข้อมูลสถานที่ : อุทยานแห่งความกรุณาปรานี
จากฟากฟ้า สุขาวดี สู่แดนไทย ชมพระแม่กวนอิมปางพันเนตรพันกร
เทวรูป พระพุทธรูปในลัทธินิกายต่างๆ ซึ่งในอุทยานแห่งนี้แบ่งออกเป็นแดนต่างๆ
ได้แก่ แดนพุทธเกษตร (พระพุทธรูปปางต่างๆ) แดนมหายาน-เต๋า
(พระพุทธรูปทางมหายาน พระสังกัจจายน์ เจ้าแม่กวนอิม เทพเจ้าจีน
เซียน ไฉ่ซิ่งเอี๊ย พระยูไล) แดนพราหมณ์-ฮินดู (พระพรหม
พระวิษณุ พระศิวะ พระแม่สรัสวดี พระแม่ลักษมี พระแม่อุมาเทวี
พระกฤษณะ พระวิษณุกรรมมหาเทพ) แดน 12 นักษัตร, แดนสุขาวดี,
ลานบูชาฟ้าดิน ฯลฯ เพลิดเพลินกับการเดินชมรูปจำลองสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย
รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ www.religiouspark.org |
เทวรูปที่ประดิษฐาน :พระพิฆเนศ
พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ พระสุรัสวตี พระลักษมี พระอุมาเทวี
พระกฤษณะ พระแม่กวนอิมพันมือ เทพ 12 นักษัตร พระสังกัจจายน์
ไฉ่ซิ่งเอี้ย พระยูไล พระพุทธรูปฝ่้ายมหายานมากมาย |
ตั้งอยู่ที่ : เลขที่ 40 หมู่ 2 ตำบลพุสวรรค์
อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี
การเดินทาง จากถนนเพชรเกษม บริเวณอำเภอท่ายางแยกเข้ามาตามเส้นทางเลียบคลองชลประทานถึงเขื่อนเพชร
มีทางแยกขวาไปอุทยานพระโพธิสัตว์กวนอิมอีก 12 กิโลเมตร หรือจากถนนเพชรเกษมจะแยกเข้าทางอำเภอบ้านลาดเป็นระยะทางประมาณ
30 กิโลเมตร สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3242 2048-9 |
เวลาเปิด : เข้าสักการะได้ทุกวัน |
................................................................................................................................................... |
|
ภาพโดย : - |
ชื่อสถานที่ : พระพิฆเนศ วัดปราสาทนครหลวง
จ.พระนครศรีอยุธยา |
ข้อมูลสถานที่ : วัดนครหลวง
ในปี พ.ศ. 2174 หลังจากที่พระเจ้าปราสาททองทรงครองราชย์ได้
2 ปี พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ช่างไปถ่ายแบบปราสาทที่เมืองพระนครหลวงแห่งกัมพูชา
เพื่อให้เป็นทั้งศาสนสถานเช่นวัดทั่วไป และเป็นที่ประทับระหว่างทางยามพระองค์เสด็จไปนมัสการพระพุทธบาทที่สระบุรี
ตามโบราณราชประเพณี สันนิษฐานว่าปราสาทนครหลวงสร้างยังไม่แล้วเสร็จในรัชกาลนั้น
คงปล่อยทิ้งร้างหลังกรุงแตกเรื่อยมา จนในสมัยรัตนโกสินทร์
ตาปะขาวปิ่นได้สร้างต่อเป็นวัดขึ้นในปี พ.ศ. 2352 (ตรงกับรัชกาลที่
1) ชาวบ้านเรียกว่า วัดนครหรือวัดนครหลวง วัดนี้กลายเป็นวัดใหญ่เมื่อรัชกาลที่
5 ทรงเชิญชวนให้พระบรมวงศานุวงศ์และชาวบ้านร่วมกันบูรณะ
ได้สร้างมณฑปที่มุมหักศอกและระหว่างกึ่งกลางระเบียงคด
เชื่อมต่อกันด้วยวิหารคดแทนของเดิมที่พังทลายลง (ขอขอบคุณข้อมูลจาก
nairobroo.com) |
เทวรูปที่ประดิษฐาน : พระพิฆเนศ
ปูนปั้น ปางชนะมาร มี 4 พระกร ทรงตรีศูล
บ่วง งา ถ้วยขนม ประทับนั่งลักษณะแยกพระชงฆ์ ฝ่าพระบาทหันเข้าหากันแบบศิลปะชวา
จุดเด่นคือแท่นประทับเป็นบัลลังก์รูปหัวกระโหลก |
ตั้งอยู่ที่ : ถ.เอเชีย อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา |
เวลาเปิด : 6.00 - 18.00
น. |
................................................................................................................................................... |
|
ภาพโดย : พิทักษ์ โค้ววันชัย |
ชื่อสถานที่ : วัดคีรีวงศ์ ต.ปากน้ำโพ
อ.เมือง จ.นครสวรรค์ |
ข้อมูลสถานที่ : เมื่อ
พ.ศ. 2504 พระธุดงค์ได้มาปักกลดอยู่บริเวณที่ตั้งวัดในปัจจุบัน
ได้พบวัตถุโบราณ เช่น อิฐเก่า ใบเสมาเก่า พระพุทธรูปเก่าและฐานอุโบสถเก่า
เป็นต้น สงสัยว่าจะเป็นวัดร้างจึงได้ แจ้งให้กรมการศาสนาทราบและได้ชักชวนประชาชน
สร้างกุฎิเล็ก ๆ ที่เชิงเขา 4-5 หลังสมัยนั้นยังกันดารไม่มีไฟฟ้า
ไม่มีน้ำประปา
ปี พ.ศ. 2507 กรมการศาสนา ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นมาสำรวจรังวัดจากหลักฐานวัตถุ
โบราณและจากการบอกเล่า ของคนเก่าแก่ที่เคยทำไร่อยู่บริเวณวัดคีรีวงศ์
ยืนยันว่าบริเวณนี้เป็นวัดร้างจริงและพบบ่อกรุน้ำซึมด้วยกรมการศาสนา
สมัย พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์ เป็นอธิบดีกรมการ ศาสนา ได้สำรวจรังวัดและทำแผนที่ไว้ได้พื้นที่วัดทั้งบนเขาและที่ราบประมาณ
280 ไร่
และในที่สุด พ.ศ. 2508 คณะกรรมการผู้ริเริ่มสร้างวัดคีรีวงศ์
ซึ่งมีนายเปงซ้ง แซ่ตั้ง เป็นหัวหน้า ได้ไปนิมนต์พระสงฆ์จากเจ้าคณะ
อำเภอเมืองฯ ที่ วัดนครสวรรค์ เพื่อมาร่วมกันสร้างวัดคีรีวงศ์แห่งนี้
เนื่องจากวัดนี้ตั้งอยู่บนเขาที่สูง จึงมีจุดชมวิวเมืองนครสวรรค์ให้นักท่องเที่ยวได้ชมทัศนียภาพอันสวยงาม |
เทวรูปที่ประดิษฐาน : พระพรหม
พระอินทร์ พระพิฆเนศ ท้าวจตุคามรามเทพ พระสีวลี พระสังกัจจายน์
นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปจำลองจากวัดที่มีชื่อเสียงมากมาย
อาทิ พระแก้วมรกต หลวงพ่อโสธี
พระพุทธชินราช พระพุทธสิหิงค์ หลวงพ่อโตวัดป่าเรไลย์ หลวงพ่อพระร่วงโรจนฤทธิ์
หลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง หลวงพ่อวัดบ้านแหลม พระสยามเทวาธิราช
ฯลฯ นมัสการพระบรมสารีริกธาตุ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆให้กราบสักการะขอพรอีกมากมาย
ปิดทองรอยพระพุทธบาท 12 ราศี ชมทิวทัศน์เมืองนครสวรรค์
ณ พระจุฬามณีเจดีย์ |
ตั้งอยู่ที่ : ถ.มาตุลี และ ถ.ดาวดึงส์
อ.เมือง จ.นครสวรรค์ (ตรงข้ามวิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์) |
เวลาเปิด : เข้าชมได้ทุกวัน
ตามเวลาวัด ดูข้อมูลที่เว็บไซต์ของวัดคีรีวงศ์นครสวรรค์ได้ที่
www.kiriwong.net |
................................................................................................................................................... |
|
ภาพโดย : กุลจิรา โรจน์สุวณิชกร |
ชื่อสถานที่ : พระพรหมใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
จ.สิงห์บุรี |
ข้อมูลสถานที่ : สร้างขึ้นในปี
พ.ศ.2551 ในโอกาสที่ระลึก 80 ปี พระธรรมสิงหบุราจารย์
(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี วัตถุประสงค์ในการสร้างเพื่อเผยแพร่ประวัติของหัวเมืองพรหมในอดีต
ให้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนให้มุ่งมั่นทำความดีเพื่อประเทศชาติ
และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดสิงห์บุรีอีกด้วย
มีศาลาสำหรับนมัสการหลวงพ่อจรัล และจัดแสดงแผ่นป้ายข้อมูลประวัติความเป็นมาของอำเภอพรหมบุรี
|
เทวรูปที่ประดิษฐาน : พระพรหม
องค์สีทองขนาดใหญ่มหึมา เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้สัญจรผ่านมา
(น่าจะใหญ่กว่าคนจริงประมาณ 10 เท่า) มี 8 พระกร ทรงจักร
หอยสังข์ คัมภีร์ คนโฑ คฑา บ่วง ดอกบัว ลูกประคำ ประดิษฐานในเทวาลัยขนาดใหญ่มาก
ด้านหน้าพระพรหมขนาดใหญ่นี้ มีองค์พระพรหมขนาดปกติให้สักการะบูชาอีกองค์หนึ่ง |
ตั้งอยู่ที่ : ถ.สายเอเซีย อ.พรหมบุรี
จ.สิงห์บุรี (ใกล้วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสิงห์บุรี) |
เวลาเปิด : เข้าชมได้ทุกวัน
ตลอดเวลา |
................................................................................................................................................... |
|
ภาพโดย : ประวิทย์ ถังคบุตร |
ชื่อสถานที่ : วัดจุฬามณี อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม |
ข้อมูลสถานที่ : ยอดพระเกจิหลวงพ่อเนื่อง
และ วัดจุฬามณี มีชื่อเสียงมากในจังหวัดสมุทรสงคราม
เดิมเรียกว่า "วัดแม่ย่าทิพย์" เป็นวัดโบราณริมฝั่งคลองอัมพวา
ต่อเนื่องกับคลองผีหลอก สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
รัชกาลพระเจ้าปราสาททอง เดิมเป็นนิวาสสถานของคุณนาค และคุณบุญรอด
(สมเด็จพระอมรินทรามาตย์ และสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์
พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 2) ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในโบสถ์ที่งดงามตระการตา
วิหารทรงไทย กราบสักการะรูปเหมือนหลวงพ่อเนื่อง
อดีตเจ้าอาวาสและพระพิฆเนศวร ซึ่งมีหลายองค์ และเที่ยวชม
ตลาดน้ำอัมพวา ซึ่งเป็นตลาดน้ำยามเย็น
เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ 15.00-21.00 น. |
เทวรูปที่ประดิษฐาน : พระพิฆเนศองค์ประธาน
หล่อด้วยสัมฤทธิ์ แบบเดียวกับที่วิทยาลัยนาฎศิลป์
กรุงเทพฯ ผลงานของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี มีสี่พระกร
ทรงวัชระ งาหัก บ่วงบาศ ถ้วยขนมโมทกะ
พระพิฆเนศองค์อื่นๆ ซึ่งมีอีกมากมายหลายองค์
เช่น ปางนริตยะคณปติ ปางประทานพร ปางสัมปทายยะ ปางปัญจมุขคเณศ
ฯลฯ ท้าวมหาพรหม พระศิวะมหาเทพ
ศิวลึงก์ พระลักษมี ท้าวเวสสุวรรณ พระเศรษฐีนวโกฏิ พระฤาษี
หลวงพ่อทวด ฯลฯ |
ตั้งอยู่ที่ : วัดจุฬามณี ตั้งอยู่ริมฝั่งคลองอัมพวาห่างจากตัวอำเภออัมพวาเพียง
2 กิโลเมตร อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม |
เวลาเปิด : ตามเวลาวัด 6.00
- 18.00 น. |
................................................................................................................................................... |
|
ภาพโดย : ประวิทย์ ถังคบุตร |
ชื่อสถานที่ : พระพิฆเนศ เทพนพเคราะห์
วัดประดู่ อัมพวา สมุทรสงคราม |
ข้อมูลสถานที่ : วัดประดู่
เป็นวัดเก่าแก่ สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสต้นทางชลมารคมาที่วัดนี้สมัยที่หลวงปู่แจ้งเป็นเจ้าอาวาส
ทรงมีพระราชศรัทธา และได้ถวายสิ่งของให้แก่หลวงปู่มากมาย
เช่น เรือเก๋งพระนที่นั่ง พระแท่นบรรทม ตาลปัตร ปิ่นโต
สลกบาตร ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันทางวัดได้โดยจัดสร้าง พิพิธภัณฑ์พระราชศรัทธา
เก็บรักษาไว้อย่างดี นอกจากนี้ในพิพิธภัณฑ์ยังจัดแสดง
"หุ่นดินสอพอง" รูปพระเกจิอาจารย์ในจังหวัดสมุทรสงคราม
และรูปรัชกาลที่ 5 แกะสลักจากไม้หอม
ปัจจุบัน วัดประดู่ เป็นศูนย์กลางชุมชน
เป็นแหล่งให้ความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาท้องถิ่น
ต้อนรับผู้ที่เดินทางเข้าเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆภายในวัด
พร้อมทั้งดื่มด่ำบรรยากาศธรรมชาติชาวสวน อันเป็นวิถีชัวิตอันสงบ
เรียบง่ายของคนไทยมาตั้งแต่อดีต
- พิพิธภัณฑ์เครื่องราชศรัทธา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 5
- ศาลาเก๋งเรือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 5
- พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
- ศูนย์สาธิตศิลปะการทำหัวโขนและเศียรครู ชมการสร้างหัวโขนเศียรครู
ฯลฯ |
เทวรูปที่ประดิษฐาน : พระพิฆเนศ
ปางเอกเขนก หรือ ปางเสวยสุข องค์เก่าแก่
ผู้ศรัทธาร่วมปิดทองดูน่าเกรงขาม
เทพนพเคราะห์ หุ่นจำลองสมเด็จพระสังฆราช ตั้งแต่พระองค์แรก
และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆอีกมากมาย |
ตั้งอยู่ที่ :ตำบลวัดประดู่ อำเภออัมพวา
จ.สมุทรสงคราม |
เวลาเปิด : ตามเวลาวัด 6.00
- 18.00 น. |
................................................................................................................................................... |
|
ภาพโดย : ประวิทย์ ถังคบุตร |
ชื่อสถานที่ : พระพิฆเนศวัดช้างเผือก
อัมพวา สมุทรสงคราม |
ข้อมูลสถานที่ : หลวงพ่อหรุ่น
พุทธสโร วัดช้างเผือก อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
ได้อุปสมบทที่วัดประตูสาร โดยมีพระอาจารย์ภู่ เป็นพระอุปัชฌาย์
พระอาจารย์ดี กับ พระอาจารย์อ่วม เป็นคู่สวด บวชแล้วก็ได้ศึกษาพระธรรมวินัย
ท่องบทสวดมนต์จนจบพระปาฏิโมกข์ ในสมัยนั้นนิยมการธุดงควัตร
ท่านก็ได้ศึกษากับพระอาจารย์แสวง วัดบางปลาม้า ได้ธุดงค์ไปหลายแห่งฝึกพลังจิตจนแก่กล้า
พอพรรษาที่ 6 ได้เดินทางมาในงานศพนางแจ่ม ซึ่งเป็นโยมยายที่บ้านใกล้วัดบางจาก
สมุทรสงคราม จึงได้รู้จักกับพระอุปัชฌาย์เอี่ยม วัดบางจาก
หลวงพ่อเอี่ยมจึงชวนให้มาอยู่ด้วยกัน ต่อมาบิดาท่านเสียชีวิตลง
โยมมารดาจึงชวนกันอพยพกลับมาอยู่ที่บางจาก ท่านก็เลยมาจำพรรษาที่วัดบางจาก
หลวงพ่อหรุ่นท่าน ชอบออกธุดงค์แบกกลดเข้าป่าเป็นประจำ
ได้ศึกษา พุทธาคม สมุนไพร แพทย์แผนโบราณ จากพระอาจารย์ในป่าลึก
ได้รับความรู้ต่างๆ มากมายจนเป็นที่พึ่งของภิกษุสามเณร
และชาวบ้านในแถบนั้น
ต่อมาวัดช้างเผือกว่างเจ้าอาวาสลง พวกชาวบ้านที่เลื่อมใสนับถือในตัวท่านจึงได้นิมนต์ท่านไปเป็นเจ้าอาวาส
ด้วยวัดช้างเผือกใน ขณะนั้นกำลังชำรุดทรุดโทรมอย่างมาก
ท่านจึงรับเป็นเจ้าอาวาสให้ พอมาอยู่ที่วัดช้างเผือกท่านก็ได้เริ่มบูรณปฏิสังขรณ์พัฒนาวัดเรื่อยมา
มีพระและชาวบ้านมาขอเรียนทางกัมมัฏฐานวิปัสสนากับท่านมาก
มาให้ท่านรักษาโรคแทบทุกวัน คนถูกผีเข้าเจ้าสิงก็มาให้ท่านรดน้ำมนต์กันจนแน่นวัด
ใครๆ ก็รู้จักหลวงพ่อหรุ่นกันทั้งลุ่มน้ำแม่กลอง (ขอขอบคุณ
itti-patihan.com) |
เทวรูปที่ประดิษฐาน : พระพิฆเนศ
ปางนฤตยะคณปติ หรือ ปางร่ายรำ ปิดทองทั้งองค์
ประดิษฐานในศาลไม้ ซึ่งมีพระพุทธรูปปางนาคปรกเป็นประธาน
มีรูปจำลองพระฤาษีให้กราบสักการะในศาลเดียวกัน |
ตั้งอยู่ที่ : ตำบลบางช้าง อัมพวา จ.สมุทรสงคราม |
เวลาเปิด : ตามเวลาวัด 6.00
- 18.00 น. |
................................................................................................................................................... |
|
ภาพโดย : ประวิทย์ ถังคบุตร |
ชื่อสถานที่ : พระพิฆเนศวัดช่องลมวรรณาราม
อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม |
ข้อมูลสถานที่ : วัดช่องลม
นั้นมีหลายแห่ง ได้แก่ วัดช่องลม บางกอกน้อย สมุทรสาคร
ยานนาวา ราชบูรี ชัยนาท อุตรดิตถ์ อู่ทอง บางปลาม้า แพร่...ซึ่งในจังหวัดสมุทรสงครามก็มีวัดช่องลมอีกแห่งหนึ่ง
เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านปรก ณ วัดช่องลมแห่งนี ยังเป็นที่ประดิษฐาน
หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย |
เทวรูปที่ประดิษฐาน : พระพิฆเนศปูนปั้น
องค์สีชมพู ลักษณะเทวะประติมาดูแปลกตา สีหน้าออกลักษณะยักษ์ไทย
เขียนคิ้วแบบลายกนก มี 4 พระกร ทรงวัชระ งาหัก บ่วง หงายพระหัตถ์
ท้าวมหาพรหม
องค์สีทองแบบที่พบได้โดยทั่วไป เทวรูปพระราหู
และรูปปั้นขนาดยักษ์ของ
หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ |
ตั้งอยู่ที่ : ต.บ้านปรก อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม |
เวลาเปิด : ตามเวลาวัด 6.00
- 18.00 น. |
................................................................................................................................................... |
|
ภาพโดย : ประวิทย์ ถังคบุตร |
ชื่อสถานที่ : วัดภุมรินทร์กุฎีทอง อ.อัมพวา
จ.สมุทรสงคราม |
ข้อมูลสถานที่ : วัดภุมรินทร์กุฎีทอง
นี้จัดเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์วัดหนึ่ง
ภายในวัดมี "กุฎีทอง" ซึ่งเป็นกุฏีที่ท่านเศรษฐีทองบิดาของพระราชินีในรัชกาลที่
1 โดยสร้างถวายที่วัดบางลี่บนเพราะมีความเลื่อมใสศรัทธากับท่านเจ้าอาวาสวัดบางลี่บนคือ
หลวงปู่พระปลัดทิม ต่อมาวัดบางลี่บนได้ถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนตลิ่งพังจนวัดพังลงน้ำไปส่วนหนึ่ง
วัดก็กลายเป็นวัดร้างจึงได้ย้ายกุฎีทองมาไว้ที่วัดภุมรินทร์
วัดภุมรินทร์นี้เป็นที่หนึ่งที่มีการปล่อยกระทงสาย สวยที่สุดในประเทศ
ตอนช่วงเทศกาลลอยกระทง |
เทวรูปที่ประดิษฐาน : พระพิฆเนศ
ปิดทองทั้งองค์โดยผู้ศรัทธา ทรงบ่วง วัชระ
ถ้วยขนม งาหัก มีความเก่าแก่มาก ความศักดิ์สิทธิ์พิเศษของพระพิฆเนศวัดนี้เชื่อกันว่าผู้ใดได้สัมผัสและมาแตะตามที่ต่างๆ
จะทำให้หายเจ็บหายปวด |
ตั้งอยู่ที่ : ต.สวนหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม |
เวลาเปิด : ตามเวลาวัด 6.00
- 18.00 น. |
................................................................................................................................................... |
|
ภาพโดย : ประวิทย์ ถังคบุตร |
ชื่อสถานที่ : วัดเพชรสมุทรวรวิหาร หลวงพ่อบ้านแหลม
สมุทรสงคราม |
ข้อมูลสถานที่ : วัดเพชรสมุทรวรวิหาร
เดิมชื่อ "วัดศรีจำปา" สร้างขึ้นในราวรัชสมัยพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา
ตาม
ตำนานเล่าว่า ในปี พ.ศ.2307ชาวบ้านแหลมในเขตเมืองเพชรบุรีอพยพหนีพม่ามาตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณตำบลแม่กลอง
เหนือวัดศรีจำปา และเรียกหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านแหลม"
ตามชื่อหมู่บ้านเดิมของตนชาวบ้านแหลมได้ช่วยกันบูรณะวัด
ศรีจำปาและเรียกวัดนี้ใหม่ว่า "วัดบ้านแหลม"
ต่อมาวัดบ้านแหลมได้ยกฐานะขึ้นเป็นอารามหลวงชั้นวรวิหาร
ได้รับ
พระราชทานนามว่า "วัดเพชรสมุทรวรวิหาร"
"หลวงพ่อบ้านแหลม" เป็นที่เคารพบูชาในหมู่พุทธศานิกชนโดยทั่วไป
ในแต่ละวันจะมีผู้ศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศ
มากราบนมัสการอย่างเนืองแน่น มีการเปรียบเปรยว่า หากใครไปเมืองสมุทรสงคราม
ไม่ได้ไปนมัสการหลวงพ่อบ้าน
แหลมก็เสมือนไม่ได้ไปเมืองสมุทรสงคราม ใครพูดถึงเมืองสมุทรสงคราม
ไม่กล่าวถึงนามหลวงพ่อบ้านแหลมก็เสมือน
ไม่รู้จักสมุทรสงคราม... (ขอขอบคุณ paiduaykan.com) |
เทวรูปที่ประดิษฐาน : พระพิฆเนศ
แกะด้วยไม้ตะเคียนทองอายุกว่าร้อยปี ประทับนั่งเสมือนปางเสวยสุข
ไม่ทรงศาสตราวุธใดๆ ผู้ศรัทธาปิดทองทั้งองค์ ประดิษฐานอยู่ด้านในพระมหาอุโบสถวัดเพชรสมุทรวรวิหาร
|
ตั้งอยู่ที่ : ต.แม่กลอง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม |
เวลาเปิด : ตามเวลาวัด 6.00
- 18.00 น. |
................................................................................................................................................... |
|
ภาพโดย : ประวิทย์ ถังคบุตร |
ชื่อสถานที่ : วัดบางแคใหญ่ สมุทรสงคราม |
ข้อมูลสถานที่ : วัดบางแคใหญ่
ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง บริเวณปากคลองบางแค ตำบลแควอ้อม
สร้างเมื่อ พ.ศ. 2357 ภายในวัดมีโบราณสถานและโบราณวัตถุที่น่าสนใจ
ได้แก่ อุโบสถหลังใหญ่ อายุกว่า 150 ปี ด้านหน้ามีเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมสิบสอง
ศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยา พระประธานในอุโบสถสร้างจากศิลาแลง
ปางมารวิชัย ด้านหน้าอุโบสถ มีธรรมเจดีย์ 7 องค์ สร้างเมื่อ
พ.ศ.2415 มีกำแพงแก้วล้อมรอบ และภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่เขียนด้วยสีฝุ่นผสมกาวเขียนขึ้นในปลายรัชกาลที่
2 เป็นภาพเรื่องราวสงครามไทย-พม่า ชมภาพมโหสถชาดก
ตอนสงคราม 101 ทัพ พุทธประวัติตอนโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
พุทธประวัติตอนปรินิพพาน พุทธประวัติตอนปาลิไลย์
ภาพรอยพระพุทธบาทเต็มพื้นที่ มงคล 108 ประการ
ฯลฯ |
เทวรูปที่ประดิษฐาน : พระพิฆเนศ
ฤาษีนารอด
พระพุทธรูปหินทรายแดง รอบระเบียงจำนวน 56 องค์ |
ตั้งอยู่ที่ : ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง
ต.แควอ้อม อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม |
เวลาเปิด : ตามเวลาวัด 6.00
- 18.00 น. |
................................................................................................................................................... |
|
ภาพโดย : กุลจิรา โรจน์สุวณิชกร |
ชื่อสถานที่ : พระศิวะ วัดเขาตะเกียบ
เขาไกรลาส
หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ |
ข้อมูลสถานที่ : เขาตะเกียบ
และเขาไกรลาส หัวหิน อยู่ห่างจากตัวเมืองหัวหิน ประมาณ
14 กิโลเมตร เขาตะเกียบ มีชายหาดที่ยาวและน้ำทะเลใสที่เหมาะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งที่นี่ยังมี โรงแรม ที่พัก ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวหลายด้วยกัน
วัดเขาตะเกียบ ตั้งอยู่บนเขาตะเกียบ
เป็นวัดที่สวยงาม ทั้งยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้สักการบูชาอีกมากมาย
บนวัดเขาตะเกียบยังมีจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นชายหาดหัวหิน
และตัวเมืองหัวหินได้อย่างชัดเจน |
เทวรูปที่ประดิษฐาน : พระศิวะ
สร้างจากปูนปั้น ประดิษฐานในศาลบริเวณทางขึ้นไปจุดชมวิวของวัดเขาตะเกียบ
ท้าวมหาพรหม ปู่ฤาษีชีวกโกมารภัจจ์
บรมครูแห่งการแพทย์และสมุนไพร ภายในวัดเขาตะเกียบยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางมหายานให้สักการะบูชาอีกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็น พระโพธิสัตว์กวนอิม พระสังกัจจายน์
ชมศาลเจ้าแบบจีน ให้อาหารลิง นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบน |
ตั้งอยู่ที่ : เขาตะเกียบ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ |
เวลาเปิด : 6.00 - 18.00
น. |
................................................................................................................................................... |
|
ภาพโดย : Khaelada Phutha |
ชื่อสถานที่ : วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี |
ข้อมูลสถานที่ : วัดพิกุลทอง
(พระอารามหลวง) รู้จักกันในนามของ "วัดหลวงพ่อแพ"
อยู่ห่างจากวัดพระนอนจักร สีห์ วรวิหารไปประมาณ 9 กิโลเมตร
เดิมชื่อว่า "วัดใหม่พิกุลทอง" แต่มักเรียกขานกันว่า
"วัดใหม่" เพราะสร้างขึ้นใหม่ในเขตบริเวณนี้
สร้างเมื่อ พ.ศ. 2434 บริเวณวัดพิกุลทองแบ่งเป็น สองส่วนคือส่วนของตัววัดเดิมและส่วนของที่สร้าง
ขึ้นใหม่ฝั่งตรงข้าม เป็นวัดที่มีความสวยงามด้วยศิลปกรรมและการตกแต่ง
มีศาสนสถานที่สำคัญหลายอย่าง เช่นวิหารรูปหล่อหลวงพ่อแพองค์ใหญ่
,วิหารพระพุฒจารย์โต,พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อแพ,พระพุทธรูปประทานพรขนาดใหญ่
พระพุทธสุวรรณมงคลหามุนี,พระสีวลี,พระสังกัจจายนะ,วิหารคด,พระประธานใน
อุโบสถ,พระพิฆเนศ ภายในวัดร่มรื่น มีจุดนั่งพักผ่อนทั่วบริเวณ
ด้านหน้าวัดมีตลาดของกินและของฝากหลายอย่าง |
เทวรูปที่ประดิษฐาน : พระพิฆเนศ
องค์ขนาดใหญ่มาก หล่อด้วยปูนซีเมนต์คอนกรีตเสริมเหล็ก
เพ้นท์สีอย่างงดงาม หน้าตักกว้าง 5 เมตร ตั้งอยู่บนฐานดอกบัว
พระวรกายสีชมพู ประทับนั่งแบบมหาราชลีลา มีสี่พระกร ทรงตรีศูล
งาหัก บ่วงบาศ พระหัตถ์หนึ่งแสดงท่ามุทราประทานพร รูปหล่อเหมือนหลวงพ่อแพองค์ใหญ่
ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารทรงสูง
วิหารพระพุฒจารย์โต , พระพุทธรูปประทานพรขนาดใหญ่ , พระพุทธสุวรรณมงคลหามุนี
, พระสีวลี , พระสังกัจจายน์ ฯลฯ |
ตั้งอยู่ที่ : ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง
จ.สิงห์บุรี |
เวลาเปิด : ตามเวลาวัด 6.00
- 18.00 น. |
................................................................................................................................................... |
|
|
อัพเดตสถานที่ล่าสุด
คลิกที่นี่ |
ยังขาดรูปภาพอีกเยอะครับ
ท่านที่ต้องการแนะนำศาลพระพิฆเนศหรือองค์เทพแห่งอื่นๆ
เพื่อเป็นวิทยาทานกับผู้ศรัทธาทั่วไป
สามารถส่งภาพถ่ายสถานที่พร้อมข้อมูลมาได้ตามอีเมล์นี้ครับ
siamganesh@gmail.com |