มีตำนานที่กล่าวถึงความมีสติปัญญาและไหวพริบของพระคเณศไว้หลายตอน
อย่างเช่นกรณีที่ท่านเป็น ผู้ลิขิตมหากาพย์ภารตะ
ครั้งหนึ่ง มหาฤาษีวยาสะ มีความต้องการที่จะเขียน
มหากาพย์ภารตะ แต่เกรงว่าตนจะทำเองไม่สำเร็จ
จึงไหว้วานให้ผู้อื่นช่วย แค่ไม่มีใครกล้าอาสาที่จะรับผลงานชิ้นนี้
ฤาษีนารอดเห็นว่าพระคเณศองค์เดียวเท่านั้นที่จะเขียนมหากาพย์ชิ้นนี้ได้
ในที่สุดฤาษีวยาสะจึงต้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระคเณศ
พระคเณศบอกว่า จะเขียนตามที่ฤาษีบอก แต่ทันทีที่ฤาษีหยุดบอกจะหยุดเขียนทันที
ฝ่ายฤาษีบอกว่า สิ่งที่พูดออกไปจากปากของเราต้องตีความให้ถ่องแท้ก่อนที่จะลงมือเขียน
ฉะนั้นเมื่อฤาษีต้องใช้การคิดสำหรับโศลกต่อไปก็จะบอกศัพท์ยากๆ
เพื่อให้พระคเณศตีความเสียก่อนเพื่อเป็นการประวิงเวลา
พระคเณศจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดอัจฉริยะในฐานะที่เป็นผู้ลิขิต
มหาภารตะ ซึ่งถือว่าเป็นคัมภีร์มหากาพย์สุดยอดของฮินดู
..............................................................................................................................................................................................
มีอยู่หลายกรณี หลายเหตุการณ์ ที่ท่านทรงแสดงความเป็นเทพแห่งปัญญาที่แท้จริง
แต่กรณีที่เด่นๆก็อย่างเช่น กรณีเดินทางรอบโลกเพื่อผลมะม่วง
ในคราวหนึ่ง พระแม่อุมา ได้นำเอาผลมะม่วงมาถวายกับพระศิวะผลหนึ่ง
ปรากฏว่าลูกทั้งสองคนคือ พระพิฆเนศวร
และ พระขันธกุมาร ต่างก็อยากจะเสวยมะม่วงผลนี้ด้วยกันทั้งคู่
ด้วยเหตุนี้ พระศิวะ จึงอยากรู้ว่า ลูกทั้งสองคนนี้ใครจะเก่งกว่ากัน
โดยตั้งโจทย์ว่า ใครก็ตามหากเดินทางรอบโลกถึงเจ็ดรอบและกลับสู่วิมานปาวตา(วิมานของพระศิวะและพระนางอุมา)
ก่อนผู้นั้นจะได้ผลมะม่วงลูกนี้
ว่าแล้วฝ่ายขันธกุมารก็ไม่รอช้า รีบทรงนกยูงตระเวนท่องโลกทันที
ฝ่ายพิฆเนศแทนที่จะเอาอย่าง กลับเดินประทักษิณรอบบิดาเจ็ดรอบ
และกล่าวว่า....
"ข้าแต่พระบิดา พระองค์คือจักรวาล และจักรวาลคือพระองค์
พระองค์ผู้สร้างโลก และทรงเป็นบิดาแห่งข้าพระองค์ ข้าพระองค์ทำประทักษิณพระบิดาเจ็ดรอบ
ถือว่าได้กุศลเท่ากับเดินทางรอบโลกเจ็ดรอบ"
พระศิวะยินดีในคำตอบและชื่นชมในสติปัญญาของพระพิฆเณศวรเป็นอย่างมาก
จึงมอบผลมะม่วงให้กับพระพิฆเนศวรทันที!! |