เด็กชาย... ที่สนามฟุตบอล โรงเรียนเทพศิรินทร์ วันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2544 / 7.30 น. วันนี้ไม่เหมือนกับทุกวัน สำหรับนักเรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์... เพราะเป็นวันแรกที่ได้เข้าแถวเคารพธงชาติกันในสนามฟุตบอลที่มีหญ้าขึ้นเต็มแล้ว และเป็นวันที่เคารพธงชาติเช้ากว่าปรกติ เนื่องจากมีการประกาศมอบรางวัลนักเรียนดีเด่นด้านต่าง ๆ เช่น ประกาศชมเชยนักเรียนที่เก็บกระเป๋าสตางค์ได้ในรถแท็กซี่ รางวัลนักเรียนเรียนดี รางวัลความประพฤติดี รางวัลชนะเลิศการแข่งขันหมากล้อม รางวัลนักกีฬาเทควันโด และรางวัลร้านค้าดีเด่นภายในโรงเรียนที่จัดโดยชมรมคุ้มครองผู้บริโภคของโรงเรียน ด.ช.ภีษม (อ่าน พี-สะ-มะ) รังสิพราหมณกุล อายุ 12 ปี นั่งขัดสมาธิบนพื้นหญ้าในแถวนักเรียนชั้น ม.1/2 เขาถูกเพื่อนข้าง ๆ แซวว่า "ภีษมดังแล้ว" "ภีษมเป็นดาราแล้ว" เมื่อสังเกตเห็นช่างภาพ สารคดี กำลังโฟกัสเลนส์มาทางเขา ภีษม เป็นใคร ? ที่โรงเรียน ภีษมเป็นนักเรียนชั้นมัธยม 1 ที่ต้องสวมเสื้อนักเรียนสีขาว และกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล และเข้าเรียนตามตารางสอนของวันนี้ เขาต้องสอบทำสะพานโค้ง วิดพื้น และซิตอัป ให้ได้ไม่น้อยกว่า 15 ครั้งใน 20 วินาที ต้องเรียนวิชาศิลปะ ได้พักกินอาหารกลางวันก่อนนักเรียนชั้นอื่น ๆ ตอน 10.40 น. ต้องสอบวิชาภาษาไทย ถูกเรียกให้ออกมานำเสนอ โครงงานวิทยาศาสตร์หน้าชั้นเรียนในคาบสุดท้าย และเลิกเรียนตอน 14.00 น. ส่วนวันอื่นๆ ภีษมเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ ลูกเสือ สังคมศึกษา พุทธศาสนา งานบ้าน สุขศึกษา และกิจกรรม อย่างที่เด็ก ม.1 ทั่วไปในโรงเรียนนี้พึงจะเรียน แต่หลักสูตรการศึกษาของนักเรียนชั้นนี้พิเศษกว่าปีอื่น ๆ นิดหน่อย ตรงที่เป็นหลักสูตรนำร่องการศึกษาแบบบูรณาการ ตามพระราชบัญญัติการศึกษาใหม่ พุทธศักราช 2542 ภัคพล ผุดประภากุล และ อานนท์ มณีโชติ เป็นเพื่อนสนิทของ ภีษม เด็กทั้งสามอยู่กลุ่มเดียวกันในวิชาวิทยาศาสตร์ นั่งเรียนใกล้ ๆ กัน กินข้าวกลางวันด้วยกัน เล่นปิงปองและฟุตบอลด้วยกัน ภัคพลเป็นเด็กชายเจ้าเนื้อ เล่นปิงปองเก่ง ภีษมคิดว่า ภัคพล "เป็นคนอารมณ์ดี ชอบทำให้หัวเราะ และเตือนให้ทำการบ้าน" ส่วนอานนท์ เด็กชายสวมแว่นตารูปกลมกรอบสีดำ ผู้ไม่ค่อยถนัดเรื่องกีฬานั้น "เรียนเก่งที่สุดในกลุ่ม ชอบติวให้เพื่อน ชอบชวนไปห้องสมุด" ช่วงพักกลางวันหลังรับประทานอาหารแล้ว จึงไม่แปลกที่จะเห็นภีษมเล่นฟุตบอลกับภัคพล และเพื่อนคนอื่นในห้อง ในขณะที่อานนท์นั่งดูเพื่อนอยู่ที่ขอบสนามใกล้ ๆ และถ้าได้ลองนั่งอยู่ในหมู่พวกเขา ก็จะได้ยินเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ เสียงแซวดักคอกันไปมาน่าสนุกสนาน นั่นเป็นธรรมชาติของกลุ่มเด็กก่อนวัยรุ่นทั่วไป คนอื่นอาจมองว่าภีษมดูแปลกไปจากคนอื่น ๆ ตรงที่เขาไว้ผมยาวแต่รวบเป็นมวยเรียบร้อยมัดไว้ที่ด้านหลัง บางทีเขาถูกล้อว่า "เหมือนเด็กผู้หญิง" แต่เขาไม่โกรธ "เพราะมันเป็นเรื่องของเขา เขาจะว่าจะแกล้งก็อยู่ที่ตัวเขาเอง"
หากถ้าคุณถามอานนท์ว่าภีษมแปลกไปกว่าคนอื่นหรือเปล่า เขาจะตอบว่า "ไม่แปลกครับ ไม่เห็นเป็นไรเลย เขาก็เหมือนเด็กทั่วไป" ส่วนภัคพลตอบว่า "มีอย่างหนึ่งที่ผมชอบคือ เขาเป็นเพื่อนที่ดี"
ในชั่วโมงศิลปะ เมื่ออาจารย์ศิริชัยสอนเรื่ององค์ประกอบศิลปะ แล้วปล่อยให้นักเรียนในห้องสเก็ตช์ภาพเกี่ยวกับวัฒนธรรมไทย ขณะที่เพื่อนในชั้นคนอื่นๆ วาดภาพประเพณีลอยกระทง แข่งเรือยาว หรืออะไรอื่นกันอยู่นั้น ภีษมก็กำลังร่างภาพด้วยดินสอ เป็นรูปเสาชิงช้าหน้าโบสถ์พราหมณ์
...ภีษมเกิดในตระกูลหัวหน้าพราหมณ์... บรรพบุรุษของตระกูลรังสิพราหมณกุลมาจากตอนใต้ของอินเดีย เดินทางโดยเรือเข้ามาตั้งรกรากทางภาคใต้ของประเทศไทยที่จังหวัดพัทลุง ก่อนย้ายมายังนครศรีธรรมราช ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระครูอัษฎาจารย์ (แจ้ง) ได้ขึ้นมารับราชการเป็นพราหมณ์วังหน้าที่กรุงเทพมหานคร ต่อมาในรัชกาลที่ 5 พราหมณ์วังหน้าย้ายมารวมกับพราหมณ์วังหลวง บุตรหลานของท่านก็ย้ายมาเป็นพราหมณ์วังหลวงด้วย กระทั่ง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชครูวามเทพมุนีภมเวทีศรีไสยศาสตร์อนุษฎุษภวาทโกศล (หว่าง หรือ สว่าง รังสิพราหมณกุล) ได้ดำรงตำแหน่งประธานพราหมณ์พิธีในราชสำนักและเป็นองคมนตรี ในรัชกาลต่อมา บุตรชายของท่านคือ พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณวิบูลเวทย์บรมหงส์พรหมพงศ์พฤฒาจารย์ (สวาสดิ์ รังสิพราหมณกุล) เป็นประธานพราหมณ์ราชสำนัก และเป็นผู้ประกอบพิธี ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน โดย พระราชครูวามเทพมุนี (สมจิตต์ รังสิพราหมณกุล) ผู้เป็นบุตรดำรงตำแหน่งประธานคณะพราหมณ์ อันเป็นตำแหน่งประมุขของพราหมณ์ไทยในรุ่นถัดมา ปัจจุบันประธานคณะพราหมณ์ทำหน้าที่ดูแลองค์การศาสนาพราหมณ์-ฮินดู อันได้แก่ เทวสถาน โบสถ์พราหมณ์ , สมาคมฮินดูสมาช (วัดเทพมณเฑียร), และ ฮินดูธรรมสภา (วัดวิษณุ ยานนาวา) คือ พระมหาราชครูอัษฎาจารย์ (ละเอียด รัตนพราหมณ์) โดยมี พระราชครูวามเทพมุนี (ชวิน รังสิพราหมณกุล) ผู้เป็นลุงของภีษม เป็น หัวหน้าคณะพราหมณ์ ภีษม บวชเป็นพราหมณ์เมื่อ 3 ปีก่อน ในพระราชพิธีตรียัมปวาย-ตรีปวาย ขณะเรียนอยู่ชั้นประถม 5 เขาถูกวางตัวให้ทำหน้าที่สืบต่อจากพระราชครูวามเทพมุนี "เขารู้ว่า ต่อไปเขาต้องเป็นหัวหน้ารับผิดชอบ ต้องเรียนรู้ทั้งหมด ต้องประกอบพระราชพิธี งานของเขาคอยอยู่ที่นี่ เพราะคุณปู่ คุณปู่ทวดเขาก็ทำที่นี่มาตลอด และคุณลุงก็ทำต่อมา" พราหมณ์ศรีล (อ่าน สะ-รีน) บิดาของพราหมณ์ภีษมกล่าว ในหมู่พราหมณ์ ผู้เป็นพ่อมักปล่อยให้การตัดสินใจที่จะบวช เพื่อสืบต่อสายสกุลพราหมณ์เป็นของลูกอย่างอิสระ ซึ่งในทางปฏิบัติ ไม่ใช่ลูกพราหมณ์ทุกคน หรือทุกสกุลจะเลือกบวช หลายสกุลอย่าง บุรณศิริ คุรุกุล ศิริพราหมณกุล วสุพราหมณ์ สตะเวทิน สวัสดิเวทิน เสตะพราหมณ์ และจารุเสน ไม่มีบุตรชายบวชสืบต่อและขาดจากความเป็นพราหมณ์ไป หรือถึงแม้จะตกลงใจบวช ก็หลังจากที่พราหมณ์ผู้เป็นพ่อถึงแก่กรรมแล้ว จนมีคำกล่าวว่า "ถ้าพ่อไม่ตาย ลูกก็ไม่รับ" การตัดสินใจของภีษมที่บวชแต่ยังเล็ก จึงนับว่าเป็นเรื่องพิเศษ "เขาเข้าใจว่า เขามีหน้าที่ตั้งแต่เกิด เขาถึงมีอัธยาศัยอย่างนี้" พระราชครูวามเทพมุนีผู้เป็นลุงกล่าว แม้การตัดสินใจบวชนั้นเป็นของเฉพาะตน แต่พราหมณ์ที่มีบุตรชาย ก็มักเปิดโอกาสให้บุตรได้รู้จัก และเรียนรู้ชีวิตของพราหมณ์ ด้วยการพาบุตรมาเข้าร่วมพิธีกรรมตั้งแต่เล็ก เพื่อสังเกตดูว่าบุตรมีความสนใจหรือมี "วิญญาณ" แห่งความเป็นพราหมณ์หรือไม่ ซึ่งในศาสนาพราหมณ์ถือว่า "วิญญาณ" เป็นตัวกำหนดว่าบุคคลจะปฏิบัติตนไปในทิศทางใด "ปัจจุบันเราถือว่า วิญญาณเป็นของเขา ก็ให้เขาเลือก บางคนเรียนสายหนึ่งมา พอสำเร็จแล้วก็ไม่ได้ทำตามสิ่งที่เรียน คนเรียนหมอจบแล้ว ไปทำงานขายสินค้าก็มี บางคนจบทหารออกมาไม่ได้เป็นทหาร แต่มาเป็นครูสอนวิชาโหราศาสตร์ นั่นคือวิญญาณเขาเป็นอย่างนั้น "ตอนเล็ก ๆ ไม่กี่ขวบ ก็ให้เขาเข้าร่วมพิธีในโบสถ์ เราเพียงแต่นำเขามานั่งอยู่ตรงนี้ ถ้าเขาสนใจเขาก็จะนั่งอยู่ ถ้าเขาไม่สนใจก็ออกไป แต่เขาสนใจและมีความอดทน คืออยู่ได้ตลอดพิธี 2-4 ชั่วโมง ติดต่อกัน 3-4 วัน เขาอยู่ได้ทุกครั้ง คณะพราหมณ์ก็เปิดโอกาสให้เขาเข้ามาอยู่ในพิธี ไม่ได้กีดกันว่าเป็นเด็กและไม่ห้ามในบางสิ่งที่เขายังเป็นเด็กอยู่ เขาจะง่วงบ้าง หลับบ้าง เอนบ้าง ก็ปล่อยเขา แต่เขายังชอบมาพิธี" มีลูกพราหมณ์หลายคนเข้ามาร่วมพิธี แต่ทนอยู่ได้เพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ ก็ต้องออกไปเล่นข้างนอก ในจำนวนนั้นบางคนไม่สนใจพิธีอีกเลย แต่ก็มีอีกหลายคนที่กลับมาร่วมพิธีอีก กระทั่งตัดสินใจบวชเอาตอนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ตัวของภีษมเองก็ดูมีความใฝ่ใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดี "เมื่อก่อนตอนเด็ก ผมอยากเข้านอนกับพ่อ แต่พ่อต้องเข้าโบสถ์ ผมทะเลาะกับพ่อ บอกพ่อว่า ถ้าพ่อไปที่งาน จะไม่ยุ่งกับพ่ออีกเลย พ่อบอกว่าไม่ได้ พ่อต้องไป ผมก็ยืนยัน แล้วร้องไห้ นอนไม่หลับ "ครั้งหนึ่งพ่อพาเข้าไปไหว้พระในโบสถ์ หลังจากนั้นผมก็อยากมาอีก ชอบ ในโบสถ์มีพระ (รูปเทพเจ้าองค์ต่าง ๆ) พอดีมีพิธีเป็นเหมือนสวดมนต์ ผมเลยคิดว่า โห มีคาถาเหมือนในหนังที่เสกคาถาแล้วมีอะไรออกมา ผมก็เลยชอบ ตอนแรกไม่ได้รู้สึกว่านั่นเป็นศาสนา คิดว่ามีคาถาสวดแล้วจุดไฟ ไฟติดพรึ่บ ตอนดับไฟก็ใช้มือดับ เหมือนสวดแล้วมีพลังในการทำอย่างนั้นได้ เหมือนขอพลังจากพระมาไว้กับตัว คิดจนโอเวอร์ "แล้วมารู้ความจริงว่า ในการที่ดับไฟได้เป็นเพราะไฟไม่ได้รับออกซิเจน มันเลยดับ ส่วนที่ไฟติดนั้น ไฟถูกจุดไว้ก่อนแล้วพอหยอดน้ำมันลงไป ไฟก็ลุกขึ้นมา การสวดมนต์ก็ไม่ใช่คาถา แต่เป็นการสวดมนต์สรรเสริญพระเป็นเจ้า" ในสายตาของเราอาจคิดว่า การนั่งนิ่งในพิธีของผู้ใหญ่เป็นเวลานาน อาจไม่ใช่ธรรมชาติของเด็ก ๆ ในยุคนี้ ใครที่สงสัยว่าเขาเบื่อหน่ายกับการนั่งนาน ๆ บ้างไหม เด็กชายวัย ๑๒ คนนี้ จะตอบข้อสงสัยด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างสุภาพว่า "เบื่อบ้าง นั่งในพิธีนาน ๆ มันก็เป็น ก็ต้องปรับเปลี่ยนตัว ต้องอดทนมากขึ้น คนเรานั่งนาน ๆ หรืออ่านหนังสือนาน ๆ ก็ต้องเบื่อ ถึงจะอ่านหนังสือการ์ตูนก็ต้องเบื่อ ผมเรียนหนังสือนาน ๆ ผมก็เบื่อ ฟังครูสอนก็เบื่อ บางครั้งก็เบื่อเล่น กินข้าวก็เบื่อกินข้าว บางทีอาบน้ำก็เบื่ออาบน้ำ ทุกอย่างมันก็ต้องมีเบื่อกันบ้าง แต่มันก็ต้องเก็บไว้บ้าง ไม่ใช่บอกว่าเบื่อแล้วทิ้งไปเลย" จึงตั้งแต่เล็ก พราหมณ์ภีษมคุ้นเคยกับสำเนียงสวดที่คนธรรมดาฟังไม่เข้าใจ เสียงแตรสังข์และบัณเฑาะว์ กลิ่นธูปเทียน และบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ของพระราชพิธี การตัดสินใจของเขาจึงไม่ใช่เรื่องลำบากเกินไป "ผมชอบตั้งแต่เด็ก ไม่ได้คิดอะไรมาก อยากเป็นเหมือนพ่อ ดีใจตอนได้ขึ้นสวดพระเวทกับพ่อในพิธี" พราหมณ์ภีษมได้ฝึกฝนการอ่านและสวดภาษาคฤนถ์ (ภาษาทมิฬที่ใช้สวดสดุดีในพิธีกรรม) กับบิดามาตั้งแต่เล็ก เขาสวดสรรเสริญพระเป็นเจ้าได้อย่างแคล่วคล่องในพิธีและพระราชพิธีต่าง ๆ กระทั่งมีโอกาสพิเศษที่ พระมหาราชครูอัษฎาจารย์ ประธานคณะพราหมณ์ผู้ประกอบพิธีบูชา อนุญาตให้พราหมณ์น้อยได้ขึ้นสวดออกเสียงในพิธีเช่นเดียวกับพราหมณ์ผู้ใหญ่ที่ครองพรตมานาน "ตัวสั่นเลย มือที่จับสมุดพระเวทก็สั่น ขาก็สั่น ตัวมันสั่นเหมือนกับจะล้ม แต่พอสวดเสร็จปุ๊บก็หายเลย พ่อบอกว่า เป็นพลังจากพระเป็นเจ้า" เมื่ออยู่ในพิธีกรรม ต่อหน้ารูปพระเป็นเจ้าทั้งหลาย ต่อหน้าพราหมณ์ผู้ใหญ่ และศาสนิกชน พราหมณ์ภีษมนิ่งสงบและตั้งอกตั้งใจกับสิ่งที่ตนทำอยู่เบื้องหน้าในขณะนั้น เมื่อพราหมณ์ผู้ใหญ่อ่านบทสวดสรรเสริญพระเจ้า เขาจะหยิบเอาสมุดสำหรับสวดเล่มน้อยขึ้นซ้อมอ่านตามไปด้วย บางคราเขาก็ชำเลืองดูบิดาผู้ร่วมอยู่ในพิธีเป็นแบบอย่าง ผู้ที่สังเกตเห็นย่อมอดพิศวงในความเคร่งขรึมจริงจังของเขาไม่ได้ ก็พราหมณ์น้อยผู้นี้ ดูผิดไปจาก ด.ช.ภีษม หรือ ด.ช.ลูกแก้ว ผู้มีชีวิตชีวาของเพื่อน ๆ และญาติมิตร ดูเป็นคนละคนกับเด็กชายที่อาจารย์เรืองวุฒิ ทัศนะสกุล คุณครูประจำชั้น ม.1/2 บอกว่าเป็นเด็ก "คุยเก่ง มีรายชื่อตลอดเวลาที่หัวหน้าห้องจดชื่อ" และเป็นคนเดียวกับที่ภัคพลและอานนท์ลงความเห็นว่า "มีเรื่องเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังมากที่สุด" ในวันแรกของพระราชพิธีตรียัมปวาย-ตรีปวายอย่างวันนี้ พราหมณ์ภีษมต้องคล้องสายยัชโยปวีตสีขาวอันเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นพราหมณ์ และผูกแขน "ถือพรต" รับประทานอาหารมังสวิรัติตลอดพิธีเป็นเวลานาน 15 วัน ความที่พราหมณ์ภีษมต้องเข้าร่วมศาสนพิธีอยู่เสมอ พราหมณ์ศรีลจึงทำจดหมายขออนุญาตทางโรงเรียนให้ลูกชายลาหยุดและเข้าร่วมพิธีกรรม กระนั้นเขาก็อดเป็นห่วงว่าจะกระทบกับการเรียนของลูกชายไม่ได้ "เพราะฉะนั้นจะให้เขาอยู่ในพิธีการบ่อยไม่ได้ พิธีไหนที่เห็นว่าสำคัญหรือจะไม่มีอีก หรือเป็นพิธีที่ไม่ได้ทำทุกปี เช่น พิธีแห่น้ำศักดิ์สิทธิ์ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา ก็ต้องให้เข้าอยู่ดูพิธีตลอด แต่ถ้าเป็นพิธีปรกติที่มีอยู่ทุกปีอยู่แล้ว ก็ไม่ให้หยุดเรียน" นอกเหนือจากการปฏิบัติตนระหว่างพระราชพิธีแล้ว พราหมณ์ภีษมยังต้องฝึกฝนการมุ่นมวยผมเอง การหัดนุ่งผ้าโจงกระเบน และการฝึกปฏิบัติวัตรต่าง ๆ เช่น การนั่งกราบพระแบบ "กระโหย่งไหว้" การห้ามรับประทานเนื้อสัตว์ต้องห้าม เช่น เนื้อวัว เนื้อปลาไหล หอยสังข์ เนื้อหงส์ เนื้อหนู รวมทั้งสุราและของมึนเมาด้วย
ชื่อ ภีษม (พี-สะ-มะ) เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า ผู้มีสัจจะ ผู้ไม่กลัวที่จะทำความดี ไม่กลัวต่ออบายทั้งหลาย เด็กชายผู้เป็นเจ้าของชื่อ ต้องฝึกฝนที่จะดำเนินชีวิตให้เป็นไปตามลักษณะ 11 ประการ ซึ่งเป็นลักษณะของพราหมณ์ในอุดมคติ ซึ่งอาจไม่ใช่ของง่ายในยุคที่ลัทธิบริโภคนิยม ส่งเสริมให้ผู้คนทำอะไรได้ตามใจเช่นในยุคนี้ อย่างไรก็ตาม ภีษมยังเป็นเด็ก ยังมีโลกซีกอื่นของเขาอีกนอกเหนือจากการเล่าเรียน และการฝึกฝนปฏิบัติ เขาดูหนังและฟังเพลงได้อย่างที่ "เป็นเครื่องเรียนรู้ว่า สำเนียงต่าง ๆ เป็นอย่างไร แต่จะร้องหรือแสดงอย่างเขาไม่ได้ การฝึกตามทำนอง จะมีส่วนช่วยในการสวดมนต์บูชาพระ" โดยไม่ติดแต่เรื่องความสนุกอย่างเดียว เขายังเล่น เกมคอมพิวเตอร์ และ เพลย์สเตชั่น ได้ระหว่างปิดเทอมด้วย ส่วนเสื้อผ้าที่พ้นไปจากชุดผ้าสีขาวที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ สำหรับสวมใส่ในพระราชพิธีพราหมณ์ ก็สามารถแต่งกายปรกติโดยใช้สีสุภาพได้ ลูกแก้วเล่าให้ฟังว่า สมัยที่ "ยังเป็นเด็กกว่านี้" คุณพ่อเลือกเสื้อโปโลให้สวมกับกางเกงขายาว คาดเข็มขัดอย่างเรียบร้อย แต่ตอนนี้เขา "แต่งสไตล์ของตัวเอง" สไตล์ของตัวเองหมายถึง เสื้อเชิ้ต หรือ เสื้อยืดสีสดประเภท "No Fear - No Rules" สวมกับกางเกงสามส่วนสีกากี ปลายขามียางยึดให้รูด สำหรับสวมมาเรียนวิชาภาษาสันสกฤตในวันเสาร์ พราหมณ์ศรีลคิดว่า "น่าจะแต่งให้เรียบร้อยไปเลย แต่ทางคุณแม่เขาก็บอกว่า ให้ซื้อแบบวัยรุ่นทั่วไปเหมือนอย่างเด็กคนอื่นบ้าง คุณแม่เขาบอกว่า เขาก็ยัง 12 ขวบเอง หมอบอกว่าฟันน้ำนมยังหลุดไม่หมด เหลืออีก 4 ซี่ เพราะฉะนั้นถ้าเขาอยากจะแต่งตัวแบบเด็ก ๆ บ้างก็ให้เขา ถ้าเราดูแล้วอยู่ในกลุ่มที่พอรับได้ อย่างกางเกงยีนบ้าง กางเกงสามส่วนบ้าง เสื้อเชิ้ตสี ๆ บ้าง รองเท้าผ้าใบ รองเท้าสานก็ได้ไม่ว่า แต่ถ้าแปลก เช่น ย้อมสีผม ก็บอกว่าไม่เหมาะสมสำหรับเรา" ซึ่งคุณพ่อคนที่อยากให้ลูกแต่งตัวเรียบร้อยคนเดียวกันนี้ ก็เป็นคนพาลูกไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปดูหนัง ด้วยเหตุผลที่ว่า ลูก ๆ กำลังอยู่ในสังคมแห่งเทคโนโลยี "ถ้าเขาไม่ดูกับเรา เขาก็ดูในอินเทอร์เน็ตเองได้" และคุณพ่อคนเดียวกันนี้ที่ "ไปไหนต้องมีลูกไปด้วย ไม่ฝาก ถ้าเป็นงานที่เชิญในฐานะครอบครัวแล้ว เอาไปหมด ถ้าเอาไปด้วยไม่ได้ก็ไม่ไปเลย"
"ลูกแก้วรับภาระหนักในการสืบทอดศาสนา เขาจะต้องเรียนมากกว่าปรกติ คือเรียนพระเวทด้วย เรียนปรัชญาด้วย เรียนทางโลกด้วย แล้วกลับมารับภาระหน้าที่ที่นี่ ตอนนี้เขาอายุ 11-12 เราจะส่งเขาไปเมื่ออายุ 13 เรียนมัธยมและเรียนพระเวทใช้เวลา 2 ปี และต่อปริญญาสายปรัชญาอีก 6 ปี คือปริญญาตรี 4 ปี และปริญญาโท 6 ปี หรือจะไปถึงปริญญาเอกก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสนใจของเขา เขาจะได้เข้าใจว่ารากฐานเดิมเป็นอย่างไร วัฒนธรรมเช่น ตัดจุก แต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ของทางอินเดียเป็นอย่างไร เวลาคิดถึงพระเป็นเจ้าเขาคิดอย่างไร ส่วนของเราปฏิบัติอย่างไร" พระราชครูวามเทพมุนีอธิบาย ลูกแก้วเองก็สมัครใจไปเรียนต่อในครั้งนี้ เขาบอกว่า "ถ้าไปไหนแล้วมีความสุขก็ไปหมด พ่อให้เอาความรู้กลับมา ผมคิดว่าจะช่วยให้โบสถ์ดีขึ้น และอย่างอื่นดีขึ้นด้วย" ปีนี้ทางโบสถ์พราหมณ์ส่ง "พราหมณ์รุ่นใหม่" ไปอินเดียเพื่อศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยแล้ว 1 คน และจะส่งไปอีก 3 คน เพื่อเรียนในระดับมัธยมต้น ปริญญาตรี และปริญญาเอก ในปีหน้า และเพราะการเดินทางไปอินเดียในครั้งนี้ จะเป็นการใช้ชีวิตคนเดียว อย่างนักเรียนประจำในต่างแดน คุณลุงและคุณพ่อจึงเตรียมความพร้อมของลูกแก้ว ด้วยให้แยกจากครอบครัวและบ้านซึ่งตั้งอยู่สุขาภิบาล 3 มาทดลองอยู่ที่บ้านคุณอาบริเวณหลังโบสถ์พราหมณ์ เพื่อฝึกการรับผิดชอบตนเอง และปรับตัวเป็นเวลา 1 ปี โดยคุณพ่อจะรับกลับบ้านก็เฉพาะในวันเสาร์อาทิตย์ พราหมณ์ศรีลเรียกการไปเรียนต่อของลูกแก้วในครั้งนี้ว่า "เป็นการกลับสู่มาตุภูมิ" เป็นการกลับไปยังแผ่นดินที่ให้กำเนิดศาสนาพราหมณ์หรือศาสนาฮินดู รากเหง้าที่สำคัญที่สุดของศาสนาพราหมณ์ หรือศาสนาฮินดูนั้นคือ คัมภีร์พระเวท ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุดของอินเดีย และอาจเป็นคัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุดของโลกด้วย (อายุราว 2,000-1,500 ปีก่อนคริสตศักราช ถึง ค.ศ. 700) สารานุกรมบริตานนิกา เล่ม 20 พูดถึงพระเวทว่า เวท หมายถึงความรู้ เป็นความหมายโดยรวมของคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เป็นคัมภีร์ที่เป็นความจริงนิรันดรซึ่งปฏิเสธหรือท้าทายไม่ได้ และมิได้เกิดจากทั้งพระเป็นเจ้าและมนุษย์ แต่ได้ถูกเปิดเผย และถูกได้ยินโดยฤาษีผู้มีญาณพิเศษ แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาสันสกฤตอันเป็นภาษาที่สมบูรณ์ที่สุด พระเวทจึงศักดิ์สิทธิ์และเป็นความเชื่อสูงสุด ถือเป็นศูนย์กลางของศาสนิกพราหมณ์ฮินดูทุกนิกาย อาจารย์กรุณา กุศลาสัย เคยกล่าวถึงความลึกซึ้งอย่างน่ามหัศจรรย์ของ คัมภีร์พระเวท ว่า "เป็นการคลี่คลาย การปรากฏออกมาของจิตใจมนุษย์ในระยะแรกๆ แห่งความคิดนึก จิตใจนั้นช่างน่าอัศจรรย์เสียนี่กระไร !" รพินทรนาถ ฐากูร ก็เคยกล่าวถึงพระเวทด้วยว่า "เป็นพินัยกรรมทางกาพย์กลอนของปฏิกิริยาร่วมกันของประชาชนชาติหนึ่ง ซึ่งมีต่อความอัศจรรย์และความหวาดหวั่นในการดำรงชีวิต ประชาชนชาตินี้ผู้มีจินตนาการเข้มแข็งและสดใส ได้ตื่นขึ้นในสมัยรุ่งอรุณแห่งอารยธรรม และได้รู้สึกถึงความลึกลับอันไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งมีปรากฏในชีวิต ...การรู้สึกถึงสิ่งลี้ลับมหัศจรรย์เช่นนี้ ก่อให้เกิดความเสน่หาต่อชีวิตมากขึ้น"
กลับหน้าแรก - ศาสนาพราหมณ์
---------------- อ่านเรื่ององค์เทพเพิ่มเติม ---------------- หน้าแรก-องค์เทพ (สยามคเณศ) ศาสนาพราหมณ์ ศาสนาฮินดู เทพเจ้าอินเดีย พระพรหม ท้าวมหาพรหม พระพรหมเอราวัณ ศาลพระพรหม , พระวิษณุ พระนารายณ์ พระนารายณ์ทรงครุฑ นารายณ์ทรงสุบรรณ คาถาบูชาพระนารายณ์สิบปาง , พระศิวะ พระอิศวร , พระราม รามเกียรติ์ รามายณะ , พระกฤษณะ ภควัทคีตา มหาภารตะ , ครุฑ พระยาครุฑ พญาครุฑ วิธีไหว้พญาครุท ตำนานพญาครุท บทบูชาพญาครุท , พญานาค พระยานาค วิธีบูชาพญานาค การไหว้พญานาค พระแม่อุมาเทวี เจ้าแม่อุมาเทวี , พระแม่กาลี เจ้าแม่กาลี , พระแม่ทุรคา เจ้าแม่ทุรกา , พระตรีมูรติ การบูชาพระตรีมูรติ พระแม่ลักษมี เจ้าแม่รัศมี พระนางลักษมี พระลักษมี , พระแม่สรัสวตี พระสรัสวดี พระแม่สุรัสวตี พระสุรัสวดี , พระขันทกุมาร การบูชาพระขันธกุมาร , หนุมาน พระหนุมาน องค์หนุมาน การไหว้หนุมาน , พระอินทร์ พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ท้าวจตุโลกบาล - เทพผู้รักษาประจำทิศ เทพประจำทิศ , ท้าวเวสสุวัณ ท้าวเวสสุวรรณ ท้าวกุเวร พระแม่คงคา แม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย , พระแม่ธรณี , พระแม่โพสพ --------- สถานที่ ศาล เทวาลัย เพื่อกราบไหว้ขอพรองค์เทพ --------- วัดเทพมณเฑียร วัดเทพมณเทียร , เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ เสาชิงช้า , วัดวิษณุ ยานนาวา , พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ พิพิธภัณฑ์พระพิฆเณศวร์ เชียงใหม่ , ศาลพระพิฆเนศห้วยขวาง พระพิฆเณศสี่แยกห้วยขวางรัชดาภิเษก , เสาชิงช้า , พระพิฆเนศนครนายก พระพิฆเณศที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ปางนั่ง-ปูนปั้น) , พระพิฆเนศฉะเชิงเทรา พระพิฆเนศที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ปางยืน-สำริด) วัดพระศรีมหาอุมาเทวี สีลม วัดแขกสีลม นวราตรี งานนวราตรี เมืองโบราณ สมุทรปราการ , พิพิธภัณฑ์ช้างสามเศียร ช้างเอราวัณ สมุทรปราการ ช้าง 3 เศียร พิพิธภัณฑ์ช้าง 3 เศียร จังหวัดสมุทรปราการ - พระพิฆเนศ ฉะเชิงเทรา องค์พระพิฆเณศ วัดสมาน จ.ฉะเชิงเทรา - พระพิฆเนศวร ฉะเชิงเทรา องค์พระพิฆเนศ พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ ที่วัดสมานรัตนาราม จังหวัดฉะเชิงเทรา - ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ พระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ - พระพิฆเนศที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ที่อินเดีย อัสตะวินายัก พระพิฆเนศกำเนิดตามธรรมชาติ 8 แห่ง - รวมรูปองค์เทพ | - รวมสถานที่บูชาองค์เทพ | - รวมความรู้การบูชาองค์เทพ โครงการ "พันเทวาลัย ล้านศรัทธา" รวมสถานที่สักการะเทพเจ้าของพราหมณ์ฮินดูทั่วประเทศไทย
----------------- เทศกาล งานสำคัญต่างๆ ----------------- - "คเณศจตุรถี" งานแห่พระพิฆเณศวร์ วันคเณศจตุรถี วันประสูติพระพิฆเนศวร์ - "นวราตรี" งานวัดแขก งานแห่พระแม่อุมาเทวี ร่างทรงพระแม่อุมา งานนวราตรี - "มหาศิวราตรี" เทศกาลมหาศิวาราตรี วันบูชาพระศิวะในงานมหาศิวะราตรี - "ดีปาวลี" ดีวาลี่ ทีปาวาลี เทศกาลดีปาวาลี งานบูชาพระแม่ลักษมีในงานดีปาวรี - "พระราชพิธีตรียัมปวาย" งานตรียัมปวาย งานประจำปี เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ - โบสถ์พราหมณ์ การเดินทางไปโบสถ์พราหม์ แผนที่โบสถ์พราห์ม , พระราชพิธีแรกนาขวัญ งานแรกนาขวัญ [ การบูชาเทพเจ้า ] - รวมบทสวดมนต์บูชาพระพิฆเนศวร คาถาบูชาพระพิฆเณศวร์ การไหว้องค์เทพ บูชาเทพ วิธีบูชาองค์เทพ - ความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการบูชาเทพ การไหว้เทพฮินดู - เครื่องหมายโอม...สัญลักษณ์โอม และวิธีการสวดบูชา | - เครื่องหมายสวัสดิกะ...สัญลักษณ์สวัสติกะแห่งพระพิฆเนศ - สิ่งที่ควรรู้สั้นๆ เกี่ยวกับพระพิฆเนศ การบูชาพระพิฆเณศวร์ | - ตำนานกำเนิดพระพิฆเนศ ประวัติพระพิฆเณศ - ตำนานว่าด้วยเศียรช้าง งาข้างเดียว และหนูบริวารของพระพิฆเนศ - ตำนานองค์พระพิฆเนศในเอเชียแปซิฟิก | - ตำนานองค์พระพิฆเนศในประเทศไทย - พระคเณศ ในฐานะเทพแห่งปัญญาและความรู้ | - พระพิฆเณศในฐานะหัวหน้าบริวารของพระศิวะ - พรที่พระพิฆเนศได้รับจากมหาเทพ-มหาเทวี | - อานิสงค์จากการบูชาพระพิฆเนศ การขอพรพระพิฆเนศ - คเณศจตุรถี...วันประสูตรพระพิฆเนศ วันคเนศจตุรถี เทศกาลพระพิฆเนศ งานแห่พระพิฆเณศวัดแขก - การบูชาพระแม่กาลี (ตามวิธีของ อ.พิทักษ์ โค้ววันชัย สำนักพิมพ์สยามคเณศ) - บทสรรเสริญพระศิวะ ผู้คืออักขระ 5 ตัว บทสวดพระศิวะมหาเทพ | - พระแม่ลักษมี 8 ปาง การบูชาพระแม่ลักษมี - พญาครุฑ การบูชาพญาครุฑ องค์พญาครุฑ | - พญานาค การบูชาองค์พญานาค | - ท้าวเวสสุวรรณ ท้าวเวสสุวัณ ท้าวจตุโลกบาล - รูปพระแม่อุมาเทวี องค์พระแม่อุมาเทวี พระศรีมหาอุมาเทวี การบูชาพระแม่อุมาเทวี | - องค์พระตรีมูรติ การบูชาพระตรีมูรติ - พระวิษณุ หรือ พระนารายณ์ การบูชาพระวิษณุ องค์พระวิษณุ ปางของพระวิษณุ | - องค์พระแม่ลักษมี รูปพระแม่ลักษมี
- ตำนานพระสีวลี ผู้เป็นเลิศในลาภสักการะ | - พระสีวลีผู้เป็นเลิศในลาภสักการะ | - การบูชาพระสีวลี การขอพรพระสีวลี - การกำเนิดพระสีวลี โดยการทรงประทานพรของพระพุทธเจ้า | - พระสีวลี หรือ พระสิวลีพระอรหันต์ผู้มีลาภสักการะเป็นที่สุด - ตำนานพระสีวลี พระสิวลี พระสีวะลี ตำนานกำเนิดพระสีวลี - พระเกจิ ประวัติพระสงฆ์ หลวงพ่อจรัญ | - การเดินทางไปวัด ขอพรหลวงพ่อ วัดในจังหวัดต่างๆ - เจ้าแม่กวนอิม องค์เจ้าแม่กวนอิม การบูชาเจ้าแม่กวนอิม พระแม่กวนอิมปางต่างๆ [ เรื่องร่างทรง ] เรื่องร่างทรง 1 - เตือนใจเรื่องร่างทรง มารสังคมที่ต้องระวัง (รับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง มีองค์ คนมีองค์ องค์เทพ) เรื่องร่างทรง 2 - คนมีองค์ กับ ร่างทรง ต่างกันอย่างไร ? (รับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง มีองค์ คนมีองค์ องค์เทพ) เรื่องร่างทรง 3 - ร่างทรงกำลังทรงเจ้า หรือกำลังโดนผีสิง ? (รับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง มีองค์ คนมีองค์ องค์เทพ) เรื่องร่างทรง 4 - การรับขันธ์ อันตรายถึงชีวิต! (รับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง มีองค์ คนมีองค์ องค์เทพ) เรื่องร่างทรง 5 - ตอบคำถามร่างทรง (รับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง มีองค์ คนมีองค์ การทรงเจ้า องค์เทพ) เรื่องร่างทรง 6 - ถอนขันธ์ ลาขันธ์ (การรับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง มีองค์ คนมีองค์ คนทรงเจ้าองค์เทพ) เรื่องร่างทรง 7 - รวมข่าวร่างทรงถูกจับ (การรับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง มีองค์ คนมีองค์ คนทรงเจ้า องค์เทพ) [ พระศิวะมหาเทพ ] 1. ตำนานพระศิวะ | 2. รูปลักษณ์ แห่งพระศิวะ วิธีบูชาพระศิวะมหาเทพ | 3. เมล็ดรุทรักษะ เมล็ดน้ำตาพระศิวะ 4. โคนนทิ พาหนะแห่งพระศิวะ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ | 5. ศิวะนาฏราช พระศิวะร่ายรำ ปางของพระศิวะ 6. ศิวลึงก์ สัญลักษณ์แทนองค์พระศิวะ การบูชาศิวลึงค์ | 7. คาถา บทสวดมนต์ การบูชาพระศิวะ [ พระประจำวันเกิด , นวนพเคราะห์ ] พระประจำวันเกิด พระประจำวันอาทิตย์ พระประจำคนเกิดวันอาทิตย์ พระสุริยะเทพ (พระอาทิตย์) พระประจำวันเกิด พระประจำวันจันทร์ พระประจำคนเกิดวันจันทร์ พระจันทร์ พระประจำวันเกิด พระประจำวันอังคาร พระประจำคนเกิดวันอังคาร พระอังคาร , พระประจำวันเกิด พระประจำวันพุธ พระประจำคนเกิดวันพุธกลางวัน พระพุธ พระราหู การไหว้พระราหู วิธีบูชาพระราหู คาถาบูชาพระราหู พระประจำวันเกิด พระประจำคนเกิดวันพุธกลางคืน พระประจำวันเกิด พระประจำวันพฤหัสบดี พระประจำคนเกิดวันพฤหัสบดี พระพฤหัสบดี พระประจำวันเกิด พระประจำวันศุกร์ พระศุกร์ , พระประจำวันเสาร์ พระประจำวันเกิด พระเสาร์ , พระเกตุ
อ.พิทักษ์ โค้ววันชัย นักเขียนหนังสือการบูชาองค์เทพ เจ้าของเว็บไซต์สยามคเณศ Siamganesh.com ผู้เผยแพร่ความรู้ในการบูชาองค์เทพคนสำคัญของไทย สั่งซื้อหนังสือ คลิกที่นี่ สั่งซื้อหนังสือ คลิกที่นี่ สั่งซื้อหนังสือ ผลงาน อ.พิทักษ์ โค้ววันชัย คลิกที่นี่