กระแสความดังของภาพยนต์ฮอลลีวู้ด
เรื่อง "สลัมด๊อก มิลเลียนแนร์" (Slumdog Millionair)
เกี่ยวกับเด็กหนุ่มในสลัมเมืองมุมไบ ที่ชนะการตอบคำถามเกมเศรษฐีเป็นเงินก้อนโตถึง
20 ล้านรูปี ถูกถ่ายทอดทางโรงภาพยนตร์ชั้นนำ พร้อมภาพเบื้องหลังที่ตลอดทั้งเรื่องถ่ายทำในประเทศอินเดีย
โดยเฉพาะย่านสลัมใน ""มุมไบ"" ทำให้เมืองสำคัญริมฝั่งทะเลอาระเบียนแห่งนี้ได้รับการจับตามองจากนักท่อง
เที่ยวอีกครั้ง หลังเหตุวินาศกรรมจากการก่อการร้ายครั้งใหญ่
ปลายปี 2551
" มุมไบ(Mumbai) หรือ บอมเบย์(Bombay) ในอดีต มีฐานะเป็นเมืองหลวงของรัฐมหาราษฏระ
ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศอินเดีย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหมู่เกาะ
7 เกาะที่แยกออกจากแผ่นดิน ก่อนจะเชื่อมต่อกันเมื่อร่องน้ำลำคลองตื้นเขินและกลายเป็นแหลมยื่นออกไปใน
ทะเลยาว 22 กิโลเมตร อย่างในปัจจุบัน"
ความเป็นเมืองสำคัญชายฝั่ง ทะเล ทำให้บอมเบย์เป็นเมืองท่าการค้าและธุรกิจที่สำคัญของอินเดียมาช้านาน
จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรับอิทธิพลเป็นอย่างมากจากความสัมพันธ์กับชาติ
ตะวันตกในยุคล่าอาณานิคม ทั้งในช่วงการเข้ามาของชาติโปรตุเกสเพื่อควบคุมการค้าทางน้ำกับต่างชาติของ
อินเดีย ก่อนที่จะจำใจยกบอมเบย์ให้เป็นบรรณาการแก่กษัตริย์ชาร์ลที่
2 ของอังกฤษ
"ภายใต้การดำเนินธุรกิจการพาณิชย์ของบริษัทอีสต์อินเดีย
ทำให้ศูนย์กลางการค้ากระจายไปตามริมฝั่งทะเลอินเดีย โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดคลองสุเอชในปี
ค.ศ.1869 ก็ทำให้เมืองนี้กลายเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแถบทะเลอาระเบียน
แม้หลังปี ค.ศ.1947 เมื่ออินเดียได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษแล้วจนถึงปัจจุบัน
บอมเบย์หรือมุมไบในชื่อใหม่ ก็ยังคงเป็นเมืองท่าที่สำคัญอย่างไม่เสื่อมคลาย"
แม้ผ่านพ้นช่วงเวลา ของการตกเป็นอาณานิคมมานานแล้ว แต่เสน่ห์ของความเป็นตะวันตกยังคงหลงเหลือให้เราได้สัมผัสอยู่ตลอดเส้นทางใน
เมืองมุมไบ ตึกรามบ้านช่อง และอาคารสำคัญๆ ขนาดใหญ่ ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคยังมีให้เห็นมากมาย
โดยเฉพาะอาคาร "สถานีรถไฟวิคตอเรียเทอมินาส" หรือในชื่ออินเดียใหม่ว่า
""ฉัตรปตี ศิวาจีเทอมินาส"" ที่ได้รับการตั้งชื่อตามพระนามพระราชินีวิคตอเรีย
ก่อสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบวิคตอเรียโกธิค ผสมผสานกับงานศิลปะแบบอินเดีย
อันทรงคุณค่าจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก
ยังคงตั้งโดดเด่น เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่แวะเวียนมาชมไม่เว้นวัน
นอกจากนั้น ยังมี "อาคารที่ทำการรัฐบาล" ที่สวยงาม
"มหาวิทยาลัยมุมไบที่มีหอนาฬิกาขนาดใหญ่ละม้ายคล้ายหอนาฬิกาบิ๊กเบนในประเทศ
อังกฤษ" สูงสง่าอวดสายตาแขกต่างเมือง รวมถึงอาคารร้านค้า
และโบสถ์ในคริสต์ศาสนา
"จึงไม่แปลกใจว่า ในอดีตนั้น มุมไบได้รับการขนานนามว่าเป็น
"นครลอนดอน" ของอินเดีย ด้วย"
การเดินทางท่องเที่ยวไปยังเมืองมุมไบไม่ใช่เรื่องยาก หากเราเริ่มต้นจากสนามบินสุวรรณภูมิ
เพียงเวลาไม่ถึง 5 ชั่วโมง เครื่องบินก็จะนำเราลงสู่สนามบินนานาชาติซาฮาร์
อย่างปลอดภัย และแน่นอนว่า หากเราไม่มีรถของกรุ๊ปทัวร์ หรือบริการจากโรงแรมมารับ
ก็ยังมีรถแท็กซี่ สีดำตัดเหลือง แม้มีสภาพเก่าพอตัวแต่ก็พาไปส่งที่หมายได้อย่างปลอดภัยเสมอ
(แม้จะหวั่นๆ ใจบ้างก็ตาม)
โดยบริการมิเตอร์ของที่นี่จะแตกต่างจาก บ้านเรา ตรงที่วัดกันเป็นระยะทาง
แล้วค่อยไปคิดเป็นค่าโดยสารกันอีกที ซึ่งราคาก็ไม่แพงเลยจริงๆ
มุมไบ หรือ บอมเบย์ ยังมีชื่อเสียงโด่งดัง ในฐานะ "ศูนย์กลางของอุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ของประเทศ
รวมทั้งยังเป็นเมืองที่ผลิตภาพยนตร์มากที่สุดในโลก ประมาณ 800
เรื่องต่อปี" จนได้เรียกขานกันว่า ""บอลลีวู้ด""
ความเจริญก้าว หน้าและฐานะทางเศรษฐกิจของคนที่นี่ เห็นได้ชัดจากพาหนะที่ขับขี่
ทั้งรถยุโรปหรูราคาแพง รถเก๋งขนาดกะทัดรัด เมดอินอินเดียยี่ห้อ
"ทาทา" มอเตอร์ไซค์ จักรยาน ไปจนถึงวัวเทียมเกวียน
วิ่งกันเกลื่อนเมือง แม้ในอดีตเรื่องชนชั้นวรรณะจะมีความสำคัญต่อการกำหนดบทบาทของคนในสังคม
อินเดียเป็นอย่างมาก
แต่ปัจจุบัน เมื่อระบบชนชั้นอ่อนแรงลง ความสามารถทางเศรษฐกิจ
การศึกษา และเงินในกระเป๋า ก็เริ่มเข้ามาแทนที่ กระนั้นยังมีช่องว่างระหว่างคนจนและรวยให้เห็นมากมาย
รวมทั้งชุมชน แออัดที่กระจายตัวอยู่แทบทุกจุดของเมือง มีคนขอทาน
และอดอยากจำนวนมาก แน่นอนที่สุด ปัญหาต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นจาก
"จำนวนประชากรมากกว่า 1 พันล้านคนในประเทศอินเดีย และกว่า
20 ล้านคน ที่อาศัยอยู่ในมุมไบ จนถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดอันดับ
5 ของโลก การกระจายตัวของทรัพยากรที่ไม่ทั่วถึงจึงยังยากที่จะแก้ไขได้"
อย่างไรก็ตาม วิถีชีวิตตามปกติของคนที่นี่ ยังคงแสดงความเป็นตัวตนตามวัฒนธรรมฮินดูได้เป็นอย่างดี
แม้กระแสวัฒนธรรมตะวันตกสมัยใหม่จะเริ่มเข้ามาแทนที่สิ่งดั้งเดิม
"แต่ความเชื่อและศรัทธาในศาสนาฮินดูของคนในมุมไบยังเหนียวแน่น
ทั้งการบูชาเทพต่างๆ ในบ้านเรือนหรือตามเทวสถานก็ยังมีให้เห็นได้เสมอ"
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจน คือ "ความศรัทธาในองค์ "พระพิฆเนศวร"
ที่มีอยู่อย่างฝังรากลึกและสืบต่อมาช้านานหลายพันปีมาแล้ว"
ทั้งในเทวสถานที่สำคัญ เช่น ที่ "สิทธิวินายัก พิฆเนศวร"
ด้วยถือเป็นเทพแห่งความสำเร็จ และเทพประจำรัฐ เมื่อจะเริ่มต้นทำกิจการใดๆ
ทั้งการสร้างหนังเรื่องใหม่ของบริษัทภาพยนตร์ หรือการเริ่มทำธุรกิจการค้าต่างๆ
คนอินเดียก็จะต้องมาขอพร สักการะบูชาเทพผู้เติมเต็มแห่งนี้ก่อนเสมอ
รวมไปถึงเส้นทาง ""อัษฏวินายัก" อันเป็นสถานที่ประดิษฐาน
พระสวายัมภูคณปติ หรือองค์พระพิฆเนศวรที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติทั้ง
8 แห่ง" ยังคงมีผู้คนที่ศรัทธาหลั่งไหลกันมากราบไหว้ขอพรพระพิฆเนศวรอย่างไม่ขาดสาย
จากเมืองมุมไบ ถึงเมืองปูเน่ อันเป็น "แผ่นดินกำเนิดของพระองค์ท่าน"
สำหรับ นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ หรือชอบศึกษาชีวิตของคนที่แตกต่าง
มุมไบถือเป็นอีกหนึ่งเมืองที่น่าสนใจ เพราะตลอดทุกซอกซอยของเมืองมีเรื่องราวและวิถีชีวิตที่น่าค้นหาให้เห็นไม่
ซ้ำกันเลยจริงๆ
ทั้งความจอแจบนท้องถนน เสียงแตรที่ดังขึ้นแทบจะตลอดเวลา เมื่อเดินไปตามทางเท้า
ก็เจอคนขายลอตเตอรี่ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เจ้าของวัวที่เดินจูงวัวไปบนถนนปะปนกับรถโดยสารที่เร่งรีบรับส่งผู้คนไปทำ
งาน เด็กนักเรียนเดินเล่น เดินคุยกันไปบนถนน ก่อนจะเข้าโรงเรียน
ยังมีคนจูงวัวเดินผ่านไปมาให้เห็นเสมอ มีทั้งเพื่อให้คนทั่วไปได้นำหญ้ามาเลี้ยงวัวในฐานะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
และที่เทียมเกวียนไว้พร้อมสำหรับเป็นพาหนะเดินทางและเพื่อการขนสัมภาระต่างๆ
ฯลฯ
นอกจากเรื่องคนที่น่าสนใจแล้ว สถานที่แห่งสำคัญที่พลาดไม่ได้ก็คือ
"ประตูสู่อินเดีย"(Gateway of India) ริมฝั่งทะเลอาระเบียน
ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองมุมไบ สร้างขึ้นเพื่อเป็น
"อนุสรณ์ในการเสด็จมาเยือนมุมไบของพระเจ้าจอร์จที่ 5 และสมเด็จพระราชินีแมรี่"
ในปี ค.ศ.1911 เพื่อทรงร่วมงานเดลีดารบัร
" และเมื่อทหารชุดสุดท้ายที่ปกครองอินเดียเดินทางกลับ
ก็ได้ลอดซุ้มประตูโค้งแห่งนี้ออกไป เป็นสัญลักษณ์แสดงการสิ้นสุดแห่งยุคอาณานิคมในอินเดียด้วย"
ความงด งามของสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานศิลปะของท้องถิ่นกับแบบมุสลิมของรัฐคุชราต
ประกอบกับความสูงกว่า 80 ฟุต ของประตูสู่อินเดีย ทำให้ที่นี่เป็นที่หมายสำคัญแห่งแรกๆ
ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เดินทางมาสู่มุมไบ
นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นท่าเรือที่นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือข้ามไปเที่ยวยัง
"เกาะช้าง" (Elephata Caves) หรือฆรบุรี อันเป็นที่ตั้งของเทวลัยถ้ำบนภูเขาหิน
ซึ่งขุดเจาะขึ้นในศตวรรษที่ 7-8 และมีหินสลัก เทวรูปตรีมูรติที่งดงาม
ซึ่งรวมเทพ ทั้งพระศิวะ พระนารายณ์ และพระพรหมสามเศียรให้ผู้เข้าชมได้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
ความวุ่นวายเริ่มสงบลงเมื่อตะวันใกล้ลับขอบฟ้า หากนั่งเรือกลับจากเกาะช้างสู่ท่าเรือ
ก็จะเห็นความยิ่งใหญ่ของประตูสู่อินเดีย ยืนตระหง่านเคียงคู่โรงแรมทัชมาฮาล
ริมทะเล ที่คลาคล่ำไปด้วยเรือยอชต์ราคาแพง เรือสินค้าขนาดใหญ่
และเรือท่องเที่ยวที่จอดพักผ่อนเป็นทิวแถว
หนึ่งวันของนักท่อง เที่ยวอาจจบลงด้วยอาหารจีนอร่อยๆ สักมื้อ
ก่อนกลับเข้าพักในโรงแรมหรู ขณะที่คนมุมไบนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารภายในบ้านของตัวเองอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
หรือในห้องชุดบนตึกสูงระฟ้า หรือบางทีอาจกำลังก่อไฟหุงหาอาหารอยู่ริมท้องถนน
หน้าเต๊นท์พักโกโรโกโส
พรุ่งนี้ของคนมุมไบยังคงดำเนินต่อไปตามกระแสทุนที่พัดโหมเข้ามาไม่หยุดยั้ง
การพาณิชย์ที่รุ่งเรือง อุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
พร้อมวิถีแห่งความเชื่อและศรัทธาตามแบบฮินดูที่ยังฝังลึกในการดำเนินชีวิต
ของผู้คน ยังคงน่าค้นหาและชวนให้มาเยี่ยมเยือนสักครั้ง...
|