ปราสาทพนมรุ้ง
ความนำ
เท่าที่ผ่านมา ปราสาทพนมรุ้งมักได้รับการเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ
ว่าเป็นศาสนสถานเขมรโบราณ ที่ซึ่งแสงแดดสามารถสาดส่องผ่านทะลุช่องประตูทั้ง
๑๕ ช่องเข้าไปต้องพระศิวลึงค์ที่ประดิษฐานภายในองค์ปราสาทประธานได้
โดยจุดสนใจจะอยู่ที่ช่วงอาทิตย์ขึ้นในเดือนเมษายนเป็นหลัก
ต่อมา เมื่อผลการสังเกตการณ์ของผู้เขียนในช่วงอาทิตย์ตกเมื่อเดือนมีนาคม
พ.ศ. ๒๕๔๓ และการคำนวณปรากฏการณ์เดียวกันที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
ได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ บางกอกโพสต์ เดือนมีนาคม พ.ศ.
๒๕๔๓ และนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ทำให้ตั้งแต่ปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นต้นมา ปราสาทพนมรุ้งจึงได้รับการประชาสัมพันธ์ว่ามี
ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ เกิดขึ้นถึงปีละสี่ครั้ง
ทว่า อีกสิ่งหนึ่งซึ่งสาธารณชนยังมิได้รับรู้กันก็คือ ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ที่ปราสาทพนมรุ้งนี้
ยังเกี่ยวเนื่องกับดวงจันทร์ด้วย ดังนั้น จึงสมควรต้องเรียกว่า
ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
นั่นก็คือในวันที่ดวงอาทิตย์ตกตรงกับช่องประตูทั้งหมดของพนมรุ้ง
จากนั้นในช่วงค่ำ ให้สังเกตตำแหน่งดวงจันทร์บนทรงกลมท้องฟ้า
(celestial sphere) ว่าอยู่ใกล้ดาวฤกษ์ใด หรืออยู่ในจักรราศีใด
อีกสี่สัปดาห์ต่อมา ในวันที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงกับช่องประตูของพนมรุ้ง
เช้ามืดก่อนอาทิตย์ขึ้น ดวงจันทร์จะกลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนั้นแล้ว ปรากฏการณ์ท้องฟ้าที่พนมรุ้งก็ยังรวมถึงการเกิดสุริยุปราคาและจันทรุปราคา
ด้วย ในกรณีนี้ ระยะห่างระหว่างปรากฏการณ์ทั้งสองอาจมีได้ตั้งแต่
๑๔ วัน ๒๘ วัน ๖ เดือน ๑๙ ปี ฯลฯ ในวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๔๙ เกิดจันทรุปราคาบางส่วนขึ้น
และในวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๔๙ ดวงอาทิตย์ขึ้นตรง ๑๕ ช่องประตูของพนมรุ้ง
อีก ๖ เดือนต่อมา เช้าตรู่วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๐ เกิดจันทรุปราคาเต็มดวง
อีก ๓ วันต่อมา ดวงอาทิตย์ขึ้นตรง ๑๕ ช่องประตู ในวันที่ ๗ มีนาคม
๒๕๕๐
เสาประดับกรอบประตูของปราสาทอิฐ
ปราสาทพนมรุ้ง
ปราสาทพนมรุ้งเป็นศาสนสถานเขมรโบราณใน ศาสนาฮินดู สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแด่พระศิวะ
ตัวปราสาทตั้งอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วในจังหวัดบุรีรัมย์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่สูงกว่าบริเวณโดยรอบทำให้สามารถแลเห็นพื้นราบเบื้องล่าง
ได้กว้างไกล เฉกเช่นเดียวกับที่อาจสังเกตการณ์ปรากฏการณ์บนฟากฟ้าได้ชัดเจน
โบราณดาราศาสตร์
โบราณดาราศาสตร์ (Archaeo-astronomy) เป็นสาขาวิชาสหวิทยาการที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้
คำว่า โบราณดาราศาสตร์ เกิดจากการรวมคำว่า โบราณคดี กับ
ดาราศาสตร์ เข้าด้วยกัน ปัจจุบันมีการเรียนการสอนวิชานี้ในระดับปริญญาเฉพาะที่มหาวิทยาลัยเลสเตอร์
(University of Leicester) ในประเทศอังกฤษเท่านั้น
ส่วนผู้เขียนบทความนี้สนใจศึกษาโบราณดาราศาสตร์ด้วยตนเอง เริ่มเก็บข้อมูลภาคสนามของโบราณสถานเขมรด้วยระบบ
GPS (๑) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ เคยเดินทางไปสำรวจโบราณสถานเขมรมาแล้วราว
๒๔๐ แห่ง นอกจากนั้น ยังสนใจค้นคว้าทดลองด้านดาราศาสตร์ และมีสถานที่ทดลองอยู่ในเขตเทือกเขาภูพาน
จังหวัดมุกดาหาร โดยในขั้นแรก ผู้เขียนได้ทดลองสร้างปฏิทินสุริยคติ
(solar calendar) ขึ้น จากนั้นจึงวางระบบกำหนดทิศทางด้วยการใช้เฉพาะดวงอาทิตย์เท่านั้น
การศึกษาโบราณดาราศาสตร์ในสถานที่หนึ่งๆ ข้อมูลสำคัญที่จำเป็นต้องใช้ในการคำนวณ
ประกอบด้วยตำแหน่งที่ตั้ง ทิศทางการหันหน้า และกำหนดอายุของแหล่งนั้นๆ
ตำแหน่งที่ตั้ง : ประตูทิศตะวันออกของปราสาทพนมรุ้ง ตั้งอยู่ที่พิกัด
๑๔.๕๓๑๙๘ องศาเหนือ และ ๑๐๒.๙๔๐๘๖ องศาตะวันออก (๒)
ทิศทางการหันหน้าประตูทั้ง ๑๕ ช่องของปราสาทพนมรุ้ง : ๘๔.๕
องศาจากขั้วท้องฟ้าเหนือ (celestial north) (๓)
กำหนดอายุการก่อสร้างปราสาทพนมรุ้ง : ยังไม่อาจระบุได้แน่ชัด
ปราสาทประธานและประตูทั้ง ๑๕ ช่อง ตลอดจนระเบียงคด มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่
๑๗ ทว่า สิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดในบริเวณปราสาท คือซากปราสาทอิฐภายในวงระเบียงคด
ซึ่งหันหน้าไปยังทิศทางเดียวกับอาคารรุ่นต่อๆ มา ปราสาทอิฐองค์นี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่
๑๕ โดยกำหนดอายุจากรูปแบบศิลปะของเสาประดับกรอบประตู ส่วนอาคารรุ่นก่อนหน้านั้น
ซึ่งคงก่อสร้างด้วยวัสดุที่เสื่อมสลายไปหมดแล้ว (เช่นไม้) ยังไม่ปรากฏหลักฐานแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี จากตำแหน่งที่ตั้งบนยอดเขาอาจสันนิษฐานได้ว่าบริเวณนี้เคยเป็นที่ประกอบ
พิธีกรรมมาก่อนหน้าการก่อสร้างปราสาทอิฐดังกล่าวแล้ว
ต่อไปนี้ ผู้เขียนจะทดลองคำนวณปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์
เช่นอุปราคา
ซึ่งจะสังเกตเห็นได้จากบนพนมรุ้ง ตั้งแต่ช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๒
เป็นต้นมา
ภาพลายเส้นที่ ๑ ดวงอาทิตย์ตก ๗ มีนาคม
ภาพลายเส้นที่ ๒ ดวงอาทิตย์ขึ้น ๔ เมษายน
ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์
กฎตายตัวของปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ที่ปราสาทพนมรุ้ง คือจะเกิดขึ้น
๑๔ วันก่อนและหลังวันวิษุวัต (equinoxes) (๔) โดยในแต่ละรอบของปรากฏการณ์นี้
จะสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ผ่านช่องประตูทั้ง ๑๕ ช่องของพนมรุ้งได้ติดต่อกัน
๓ วัน โดยวันที่สองดวงอาทิตย์จะอยู่ตรงแนวแกนของปราสาทมากที่สุด
ในเดือนมีนาคม ๒๕๕๐ ดวงอาทิตย์จะตกตรงช่องประตูในวันที่ ๖,
๗ และ ๘ (วันที่ ๗ มีนาคม จะตกตรงกลางประตู เวลา ๑๘.๑๓.๕๕ น.)
ส่วนในเดือนเมษายน ๒๕๕๐ ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงช่องประตูปราสาทพนมรุ้งในวันที่
๓, ๔ และ ๕ (วันที่ ๔ เมษายน จะขึ้นตรงกลางประตูเวลา ๐๖.๐๗.๕๔
น. (ดูภาพลายเส้นที่ ๑ และ ๒)
เดือนดาราคติ (sidereal month) ระหว่างช่วงวสันตวิษุวัต พ.ศ. ๒๕๕๐
แสดงดวงจันทร์ในนักษัตรจิตรา
ภาพลายเส้นที่ ๓ ช่วงหัวค่ำ ๗ มีนาคม ๒๕๕๐
ภาพลายเส้นที่ ๔ ช่วงเย็นก่อนอาทิตย์ตก ๔ เมษายน ๒๕๕๐
ปรากฏการณ์ดวงจันทร์
ในทางดาราศาสตร์จะมีระบบเดือนของดวง จันทร์ถึงห้าแบบ
ทว่ามีเพียงสามแบบที่จะเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์
ดวงจันทร์ ที่ปราสาทพนมรุ้ง :
- เดือนจันทรคติ (Synodic month) มีระยะ ๒๙.๕ วัน (๕) สังเกตเห็นได้ง่าย
และเป็นที่รู้จักกันทั่วไป นับจากวันเพ็ญหนึ่งถึงอีกวันเพ็ญหนึ่ง
- เดือนดาราคติ (Sidereal month) มีระยะ ๒๗.๓ วัน (๖) เป็นช่วงเวลาที่ดวงจันทร์จะกลับไปยังตำแหน่งเดิมบนทรงกลมท้องฟ้า
ทุกคืน ดวงจันทร์จะเปลี่ยนตำแหน่งไป เมื่ออ้างอิงตำแหน่งกับดาวฤกษ์ที่อยู่ประจำที่
และภายในหนึ่งเดือนดาราคติ ดวงจันทร์จะโคจรกลับมายังตำแหน่งเดิมใน
๑๒ จักรราศีอีกครั้งหนึ่ง (ภาพลายเส้นที่ ๓ และ ๔) จักรราศีเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ของโลกไปรอบดวงอาทิตย์
บัณฑิตเขมรโบราณน่าจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับ นักษัตร (naksatras)
หรือ เรือนจันทร์ (lunar houses) ทั้ง ๒๗ (๗) ชาวเขมรโบราณใช้ระบบนักษัตรแบบอินเดีย
ทั้งในการคำนวณปฏิทินและการทำนายทางโหราศาสตร์ สุริยวิถี (ecliptic)
จะถูกแบ่งออกเป็น ๒๗ ส่วนเท่าๆ กัน แต่ละส่วนประมาณ ๑๓ องศา
๒๐ ลิปดา (๒๐ อาร์คมินิต)
ดวงจันทร์และดาวเคราะห์ทั้งหมด (ยกเว้นพลูโต) จะอยู่ภายในพื้นที่สองข้างสุริยวิถีที่มีความกว้างด้านละแปดองศา
แถบนี้เรียกกันว่า จักรราศี (rasicakra ในภาษาสันสกฤต) จักรราศีจะถูกแบ่งเป็น
๒๗ นักษัตรเท่าๆ กัน เพื่อใช้ระบุตำแหน่งดวงจันทร์ที่สัมพันธ์กับดาวฤกษ์อื่นๆ
ในแต่ละวัน กลุ่มดาวนักษัตรแต่ละกลุ่ม (๘) จะได้รับชื่อตามดาวดวงสำคัญที่เรียกว่า
โยคะตารา (yogataras) เช่น โยคะตาราของนักษัตรจิตรา คือ Spica-?
Virginis (Sen, p. 274).
คัมภีร์สตปาถพรหม (Satapatha Brahmana) (๙) ระบุว่ากลุ่มดาวนักษัตรทั้ง
๒๗ นี้คือชายา ๒๗ องค์ของพระจันทร์ ซึ่งในแต่ละเดือน พระจันทร์จะอยู่กับชายาแต่ละองค์ได้เพียงหนึ่งคืน
หลังจากดวงอาทิตย์ตกในวันที่ ๗ มีนาคม ดวงจันทร์อยู่ในนักษัตรจิตรา
๒๗.๒ วัน ต่อมา ในวันที่ ๔ เมษายน ดวงจันทร์ก็กลับมาสถิตในนักษัตรจิตราอีกครั้งหนึ่ง
- เดือนมังกรหรือเดือนราหู (Draconic month) ระยะเวลา ๒๗.๒ วัน
(๑๐) เป็นระบบเดือนแบบที่สามที่เกี่ยว ข้องกับทิศทางการหันหน้าของปราสาทพนมรุ้ง
เดือนมังกรจำเป็นสำหรับการคำนวณอุปราคา เนื่องจากเป็นเดือนที่นับเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่กลับมาสู่โหนด
(node) เดิม โหนดคือจุดตัดระหว่างวงโคจรของดวงจันทร์กับระนาบสุริยวิถี
(ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้) อุปราคาจะเกิดขึ้นได้เฉพาะเมื่อดวงจันทร์โคจรเข้ามาใกล้กับโหนดใดโหนดหนึ่ง
เมื่อดวงจันทร์โคจรผ่านขึ้นมาทางเหนือระนาบ จากจุดนั้นจะเรียกว่าโหนดขึ้น
(ascending node) และเมื่อโคจรผ่านระนาบสุริยวิถีไปทางใต้ จะเรียกว่าโหนดลง
(descending node) (๑๑)
เดือนมังกรนี้ แฝงฝัง ตัวอยู่ในทิศทางการหันหน้าของปราสาทพนมรุ้งด้วยเช่นกัน
ดังจะเห็นได้จากจันทรุปราคาบางส่วนในเดือนกันยายน ๒๕๔๙ และจันทรุปราคาเต็มดวงในเดือนมีนาคม
๒๕๕๐
ราวสี่ชั่วโมงก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น วันที่ ๘ กันยายน ๒๕๔๙ เกิดจันทรุปราคาบางส่วน
จากนั้นเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ก็สามารถมองเห็นได้ผ่านประตู ๑๕
ช่องของปราสาทพนมรุ้ง สิบนาทีต่อมา ดวงจันทร์ลับฟ้า และคงสามารถมองเห็นผ่านประตูทั้ง
๑๕ ช่องของพนมรุ้งได้เช่นกัน (หากไม่มีเมฆบัง) จากนั้นในวันที่
๙ กันยายน ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นตรงกับแนวแกนปราสาท
หกวันเพ็ญต่อมา เช้ามืดวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๐ เกิดจันทรุปราคาเต็มดวงในช่วงก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
๐๕.๐๕ น. (หนึ่งชั่วโมงก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น) คราสกำลังจะจับเต็มดวง
ดวงจันทร์จะถูกบังหมดเวลา ๐๖.๒๑ น. และอีกห้านาทีต่อมาก็จะลับฟ้าเมื่ออาทิตย์ขึ้นพอดี
จึงสามารถสังเกตเห็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อยู่ตรงข้ามกันได้
เย็นวันเดียวกันนั้น แสงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าจะส่องเข้ามาต้องพระศิวลึงค์ในปราสาทประธาน
๒๐ นาทีต่อมา ดวงจันทร์ข้างแรมที่เกือบเต็มดวงก็จะส่องแสงเข้ามาแทน
อย่างไรก็ดี ในวันนี้จะยังไม่สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ผ่านช่องประตูทั้ง
๑๕ ช่องได้ กว่าที่แสงอาทิตย์ตกจะส่องตรงกับประตูทั้งหมดได้ก็ต้องรออีกสามวันถัดมา
ระยะห่าง ๖ เดือนระหว่างจันทรุปราคาเต็มดวง นี้ เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักดาราศาสตร์ตั้งแต่สมัยโบราณ
ชาวบาบิโลเนียนสามารถสังเกตเห็นมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้วว่า
จันทรุปราคาแต่ละครั้งจะห่างกัน ๖ เดือนจันทรคติ หรือไม่เช่นนั้น
ก็อาจเป็นการทวีคูณของรอบ ๖ เดือนจันทรคติ หักออกด้วยหนึ่ง (อันเป็นระยะห่าง
๕ เดือนที่มีในบางครั้ง) (Goldstein, p. 2)
จากหลักฐานการจดบันทึกตั้งแต่เมื่อ ๒,๕๐๐ ปีก่อน ชาวบาบิโลเนียนยังพบด้วยว่า
วงรอบการเกิดขึ้นของอุปราคานั้นจะซ้ำกันทุกๆ ระยะ ๑๘ ปี กับ
๑๐.๓๓ วัน พวกเขาตั้งชื่อเรียกวงรอบนี้ว่า ซารอส (Saros) หมายถึงการซ้ำ
อุปราคาที่เกิดขึ้นในระยะใกล้เคียงกับปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ที่
ปราสาทพนมรุ้งมักจะมาเป็น กระจุก ที่มีระยะห่างกันราว ๘
๑๐ ปี : ในช่วงปี ๒๕๔๙ ๒๕๕๐ ก็ได้แก่จันทรุปราคาที่กล่าวถึงไปแล้วข้างต้น
(๑๒) กระจุก ต่อไปคือจันทรุปราคาเต็มดวงในวันที่ ๘ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๕๕๗ และหกเดือนต่อมา คือจันทรุปราคาเต็มดวงในวันที่ ๔
เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ จากนั้น ในวันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๘ และวันที่
๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ ก็จะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงขึ้นอีก โดยเกิดขึ้นห่างกันหกเดือนเช่นเดียวกัน
จันทรุปราคาบางส่วน วันที่ ๘ กันยายน ๒๕๔๙ และจันทรุปราคาเต็มดวง
ขณะเมื่อคราสเริ่มจับ วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๐ บันทึกจากบนพนมรุ้ง
การสร้างปราสาทพนมรุ้งเกี่ยวข้องกับสุริยุปราคาหรือไม่?
ผู้เขียนมักได้รับคำถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่พนมรุ้งจะวางศิลาฤกษ์ในวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นตรงแนวกับ
แนวแกนหลักของปราสาท และเป็นวันเดียวกับที่เกิดสุริยุปราคา
หากคำถามนี้หมายถึงสุริยุปราคาเต็มดวง ผู้เขียนสามารถปฏิเสธได้ทันทีว่า
เป็นไปไม่ได้ !
สุริยุปราคาเต็มดวงเกิดขึ้นน้อยครั้งกว่าจันทรุปราคาเต็มดวงมาก
เช่นในระยะตั้งแต่ พ.ศ. ๑๒๔๓ (ค.ศ. ๗๐๐) ถึง พ.ศ. ๑๔๗๔ (ค.ศ.
๙๑๓) (๑๓) มีสุริยุปราคาเต็มดวงเพียงครั้งเดียวที่สามารถมองเห็นได้จาก
ปราสาทพนมรุ้ง นั่นก็คือในวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๑๓๑๑ (ค.ศ.
๗๖๘) ซึ่งก็มิได้เป็นวันเดียวกันกับที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงแนวกับประตูของปราสาท
อิฐบนยอดพนมรุ้ง หากแต่อีก ๑๘ เดือนเพ็ญต่อมา คือวันที่ ๕ กันยายน
พ.ศ. ๑๓๑๒ (ค.ศ. ๗๖๙) ดวงอาทิตย์ซึ่งกำลังเกิดสุริยุปราคาบางส่วน
(๖%) จะขึ้นเกือบตรงแนวกับตัวปราสาท
ต่อมาในช่วงระหว่าง พ.ศ. ๑๓๔๓ ๑๔๔๒ (คริสต์ศตวรรษที่ ๙) (๑๔)
เรามี ตัวเลือก เพียงสองเท่านั้น และทั้งสองครั้งก็เป็นเพียงสุริยุปราคาบางส่วน
สุริยุปราคาทั้งสองครั้งเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่ดวงอาทิตย์ส่องตรงกับแนว
แกนหลักของปราสาท ดังนั้น สุริยุปราคาทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนี้
จึงไม่ควรจะมีนัยสำคัญเพียงพอสำหรับการวางศิลาฤกษ์สถาปนาปราสาทพนมรุ้ง
หรือแม้จะปรับเปลี่ยนคำถามข้างต้นให้ครอบคลุมถึงจันทรุปราคา
ผู้เขียนก็ยังต้องปฏิเสธเช่นเดิม เพราะแม้ว่าจะสามารถสังเกตเห็นจันทรุปราคาได้บ่อยครั้งกว่า
แต่ก็ไม่น่าจะมีจันทรุปราคาครั้งใดในช่วงตั้งแต่ พ.ศ. ๑๒๔๓
๑๔๔๒ (คริสต์ศตวรรษที่ ๘ ๙) ที่สำคัญเพียงพอสำหรับการสถาปนาปราสาทพนมรุ้ง
ทิศทางการหันหน้าของปราสาทน่าจะเกี่ยวข้องกับ ระยะห่าง ๖ เดือนระหว่างจันทรุปราคาเต็มดวง
ดังกล่าวมาแล้วมากกว่า
พระราหูและพระเกตุ ศิลปะอินเดีย พุทธศตวรรษที่ ๑๖ พระราหูจับดวงจันทร์ไว้ในมือ
ส่วนพระเกตุมีหางเหมือนงูหรือมังกร (๑๗) ?
The John C. and Susan L. Huntington Archive of Buddhist and
Related Art
พระราหูและพระเกตุ
ตามเทพปกรณัมของเขมร โหนดของดวงจันทร์จะมีบุคลาธิษฐานเป็นพระราหู
(โหนดขึ้น - ascending node) และพระเกตุ (โหนดลง - descending
node) พระราหูนั้นเป็นอสูร (๑๕) ผู้ลักลอบดื่มน้ำอมฤตที่เกิด
ขึ้นในระหว่างการกวนเกษียรสมุทร แต่พระอาทิตย์และพระจันทร์สังเกตเห็นเข้า
จึงไปฟ้องพระนารายณ์ (พระวิษณุ) พระองค์จึงขว้างจักรไปตัดพระราหูขาดเป็นสองท่อน
(๑๖) แต่ด้วยฤทธิ์ของน้ำอมฤตที่ทำ ให้ผู้ดื่มเป็นอมตะ พระราหูกลับไม่ตาย
ทว่าเหลือเพียงศีรษะ ซึ่งจะคอยแก้แค้นพระอาทิตย์และพระจันทร์ด้วยการกลืนไว้ในปาก
ซึ่งก็ปรากฏเป็นสุริยุปราคาและจันทรุปราคานั่นเอง
พระราหูและพระเกตุนับเป็นเทพในกลุ่มของเทวดานพเคราะห์ (navagraha
ดาวเคราะห์ทั้งเก้า) ในศิลปะอินเดีย ภาพเทวดานพเคราะห์จะเริ่มด้วยพระอาทิตย์ที่ด้านซ้ายสุด
ถัดมาคือพระจันทร์ ดาวเคราะห์ทั้งห้า (๑๘) ปิดท้ายด้วยพระราหูและพระเกตุ
ภาพสลักชุดนี้มักพบในเทวสถานที่สร้างอุทิศแก่พระศิวะ
ส่วนภาพชุดเทวดานพเคราะห์ในศิลปะเขมรนั้น จะต่างไปจากต้นแบบในศิลปะอินเดีย
กล่าวคือแม้จะเริ่มต้นด้วยพระอาทิตย์ พระจันทร์ และจบด้วยพระราหู
พระเกตุเหมือนกัน ทว่า ภาพเทวดาประจำดาวเคราะห์ห้าองค์จะถูกแทนที่ด้วยทิกปาลก
(dikpalaka เทพประจำทิศ) (๑๙) โดยมีพระอินทร์ เทพผู้รักษาทิศตะวันออก
และหัวหน้าแห่งทิกปาลก อยู่ตรงกลาง ภาพสลักพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณยังมักพบเหนือประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออก
ของศาสนสถานเขมรด้วย
นอกจากนั้น ยังพบภาพสลักชุดเทวดานพเคราะห์ที่พนมรุ้ง สภาพชำรุดมาก
เหลือเพียงเทพสี่องค์ ซึ่งสามารถระบุได้เพียงสององค์ คือพระราหูจับดวงจันทร์ไว้ในมือ
และพระเกตุทรงสิงห์ (๒๐)
พระราหูและพระเกตุ ทับหลังเทวดานพเคราะห์จากกู่เปือยน้อย จังหวัดขอนแก่น
พุทธศตวรรษที่ ๑๖ ปัจจุบันอยู่ในวัดแห่งหนึ่ง
ราหูมีกายท่อนล่างเป็นพายุหมุน ในมือถือดวงจันทร์ ส่วนพระเกตุทรงสิงห์เป็นพาหนะ
ประตูของปราสาทพนมรุ้ง
ศาสนสถานเขมรโบราณที่สร้างขึ้นในศาสนา ฮินดูมักหันหน้าไปทางทิศตะวันออก
เพื่อให้แสงอาทิตย์แรกขึ้นสาดส่องเข้ามาต้ององค์รูปเคารพประธานภายใน
ศาสนสถานเขมรราวหนึ่งในสามจะหันหน้าตรงไปทางทิศตะวันออก หรือมีแนวแกนหลักของอาคารตามแนวที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกในช่วงวันวิษุวัต
วันวสันตวิษุวัต (Spring equinox) ถือเป็นวันปีใหม่ตามสุริยคติของพราหมณ์
ในศิลาจารึกเขมรจะระบุวันเดือนปีตามปฏิทินสุริยคติ จันทรคติ
โดยเริ่มนับจากข้างขึ้นก่อนหน้าวันวิษุวัต
ปราสาทพนมรุ้งหันหน้าเฉียง ๕.๕ องศาจากทิศตะวันออก ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกันกับศาสนสถานเขมรอื่นอีกราว
๒๐ % (๒๑) ลักษณะพิเศษของพนมรุ้งก็คือที่ตั้งที่อยู่บนยอดเขา
และการมีแนวประตูตามแนวทิศตะวันออก ตะวันตก ซึ่งทำให้แสงอาทิตย์ช่วงอาทิตย์ขึ้นและตกสามารถสาดส่องเข้าไปต้องรูปเคารพใน
ปราสาทประธาน อันได้แก่พระศิวลึงค์ สัญลักษณ์องคชาติของพระศิวะได้
ประเด็นทางด้านดาราศาสตร์ของปราสาทพนมรุ้งจึงได้แก่
* ๑. ดวงอาทิตย์ : กำหนด ที่แสงอาทิตย์จะส่องเข้าไปต้องศิวลึงค์ภายในปราสาทประธานนั้น
คือ ๑๔ วันก่อนและหลังวันวิษุวัตทั้งสองครั้ง ดังนั้น ในแต่ละปีจะมีปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์สี่ครั้ง
ซึ่งในแต่ละช่วง จะสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ตรงช่องประตูทั้งหมดได้ในวันก่อนหน้าและวันต่อมา
อีกหนึ่งวันด้วย โดยในแต่ละครั้ง จะมองเห็นดวงอาทิตย์ได้ประมาณ
๘ นาที
* ๒. ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ : ช่วงระหว่างปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์
ก่อนและหลังวันวิษุวัตนั้น จะมีระยะห่างประมาณหนึ่งเดือนจันทรคติ
ดังนั้น ดวงจันทร์จะอยู่ในนักษัตรเดียวกันทั้งสองครั้ง
* ๓. อุปราคา : เมื่อเกิดสุริยุปราคา หรือจันทรุปราคาขึ้น
มักจะเกิดซ้ำอีกครั้งหนึ่งในระยะเวลาใกล้ๆ กัน ส่วนใหญ่ที่พบมักจะเกิดขึ้นห่างกัน
๖ เดือนจันทรคติ (ประมาณ ๑๖๔ วัน)
โคนนทิ พาหนะของพระศิวะ และศิวลึงค์ที่ต้องแสงอาทิตย์ ในปราสาทพนมรุ้ง
ข้อสรุป :
ไม่ปรากฏหลักฐานว่าการก่อสร้างปราสาทพนมรุ้งจะเกิดขึ้นร่วมกับปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ใด
(เช่นอุปราคา)
ช่องประตูทั้ง ๑๕ ช่องของปราสาทพนมรุ้ง เปรียบเสมือนอุโมงค์ยาว
๗๖ เมตร ซึ่งอาจใช้เป็นที่วางระบบปฏิทินสำหรับผู้สังเกตการณ์ที่มีความรู้ด้านดารา
ศาสตร์ได้ อย่างไรก็ดี เราไม่มีหลักฐานว่าสิ่งนี้เป็นเจตนาของผู้สร้างหรือไม่
จากศิลาจารึกเท่าที่ค้นพบก็มิได้ปรากฏหลักฐานว่านักบวชที่พำนักอยู่
ณ ศาสนสถานแห่งนี้จะให้ความสนใจกับปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับ
ทิศทางการหันหน้าของปราสาทพนมรุ้ง
อย่างไรก็ดี ศิลาจารึกเขมรร่วมสมัยหลักอื่นๆ ก็มักกล่าวสรรเสริญกษัตริย์และพราหมณ์ว่าเป็นผู้มีความรู้ลึกซึ้งในศาสตร์
แขนงต่างๆ ซึ่งดาราศาสตร์ก็เป็นหนึ่งในศิลปศาสตร์เหล่านั้น
ดังนั้น เมื่อพิจารณาร่วมกับประติมากรรมเทพผู้รักษาทิศ และเทวดานพเคราะห์ที่ปรากฏให้เห็นอยู่มากมาย
น่าจะส่อแสดงว่า ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ต่างๆ นั้น ย่อมไม่อาจเล็ดรอดสายตาของนักบวชผู้ไตร่ตรอง
ผู้ซึ่งสักการะพระศิวลึงค์เป็นประจำทุกวัน ณ เทวาลัยบนยอดเขาแห่งนี้
ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ท่านไม่พลาดปรากฏการณ์บนฟากฟ้าที่น่าสนใจหลายครั้งในรอบปี
พ.ศ. ๒๕๕๐ นี้
ขอขอบพระคุณ : วารสารเมืองโบราณ
---------------- อ่านเรื่ององค์เทพเพิ่มเติม
----------------
หน้าแรก-องค์เทพ
(สยามคเณศ)
ศาสนาพราหมณ์
ศาสนาฮินดู เทพเจ้าอินเดีย
พระพรหม
ท้าวมหาพรหม พระพรหมเอราวัณ ศาลพระพรหม
, พระวิษณุ
พระนารายณ์ พระนารายณ์ทรงครุฑ
นารายณ์ทรงสุบรรณ คาถาบูชาพระนารายณ์สิบปาง
, พระศิวะ
พระอิศวร , พระราม
รามเกียรติ์ รามายณะ ,
พระกฤษณะ
ภควัทคีตา มหาภารตะ ,
ครุฑ
พระยาครุฑ พญาครุฑ
วิธีไหว้พญาครุท ตำนานพญาครุท บทบูชาพญาครุท
,
พญานาค พระยานาค วิธีบูชาพญานาค การไหว้พญานาค
พระแม่อุมาเทวี
เจ้าแม่อุมาเทวี , พระแม่กาลี
เจ้าแม่กาลี ,
พระแม่ทุรคา
เจ้าแม่ทุรกา , พระตรีมูรติ
การบูชาพระตรีมูรติ
พระแม่ลักษมี
เจ้าแม่รัศมี พระนางลักษมี พระลักษมี
,
พระแม่สรัสวตี
พระสรัสวดี พระแม่สุรัสวตี พระสุรัสวดี
,
พระขันทกุมาร
การบูชาพระขันธกุมาร ,
หนุมาน
พระหนุมาน องค์หนุมาน การไหว้หนุมาน
,
พระอินทร์ พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ
ท้าวจตุโลกบาล
- เทพผู้รักษาประจำทิศ เทพประจำทิศ
,
ท้าวเวสสุวัณ
ท้าวเวสสุวรรณ ท้าวกุเวร
พระแม่คงคา
แม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย
, พระแม่ธรณี
, พระแม่โพสพ
--------- สถานที่ ศาล เทวาลัย
เพื่อกราบไหว้ขอพรองค์เทพ ---------
วัดเทพมณเฑียร
วัดเทพมณเทียร , เทวสถานโบสถ์พราหมณ์
เสาชิงช้า
, วัดวิษณุ
ยานนาวา , พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ
พิพิธภัณฑ์พระพิฆเณศวร์ เชียงใหม่
, ศาลพระพิฆเนศห้วยขวาง
พระพิฆเณศสี่แยกห้วยขวางรัชดาภิเษก
, เสาชิงช้า
, พระพิฆเนศนครนายก
พระพิฆเณศที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ปางนั่ง-ปูนปั้น)
, พระพิฆเนศฉะเชิงเทรา
พระพิฆเนศที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ปางยืน-สำริด)
วัดพระศรีมหาอุมาเทวี
สีลม วัดแขกสีลม นวราตรี งานนวราตรี
เมืองโบราณ
สมุทรปราการ , พิพิธภัณฑ์ช้างสามเศียร
ช้างเอราวัณ สมุทรปราการ
ช้าง
3 เศียร พิพิธภัณฑ์ช้าง 3 เศียร จังหวัดสมุทรปราการ
-
พระพิฆเนศ ฉะเชิงเทรา องค์พระพิฆเณศ วัดสมาน จ.ฉะเชิงเทรา
-
พระพิฆเนศวร ฉะเชิงเทรา องค์พระพิฆเนศ พระพรหม พระวิษณุ
พระศิวะ ที่วัดสมานรัตนาราม จังหวัดฉะเชิงเทรา
-
ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ พระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์
-
พระพิฆเนศที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ที่อินเดีย
อัสตะวินายัก พระพิฆเนศกำเนิดตามธรรมชาติ 8 แห่ง
-
รวมรูปองค์เทพ | -
รวมสถานที่บูชาองค์เทพ | -
รวมความรู้การบูชาองค์เทพ
โครงการ
"พันเทวาลัย ล้านศรัทธา"
รวมสถานที่สักการะเทพเจ้าของพราหมณ์ฮินดูทั่วประเทศไทย
----------------- เทศกาล
งานสำคัญต่างๆ -----------------
-
"คเณศจตุรถี" งานแห่พระพิฆเณศวร์
วันคเณศจตุรถี วันประสูติพระพิฆเนศวร์
-
"นวราตรี" งานวัดแขก งานแห่พระแม่อุมาเทวี
ร่างทรงพระแม่อุมา งานนวราตรี
-
"มหาศิวราตรี" เทศกาลมหาศิวาราตรี
วันบูชาพระศิวะในงานมหาศิวะราตรี
-
"ดีปาวลี" ดีวาลี่ ทีปาวาลี
เทศกาลดีปาวาลี งานบูชาพระแม่ลักษมีในงานดีปาวรี
-
"พระราชพิธีตรียัมปวาย"
งานตรียัมปวาย งานประจำปี เทวสถานโบสถ์พราหมณ์
- โบสถ์พราหมณ์ การเดินทางไปโบสถ์พราหม์
แผนที่โบสถ์พราห์ม , พระราชพิธีแรกนาขวัญ
งานแรกนาขวัญ
[ การบูชาเทพเจ้า
]
-
รวมบทสวดมนต์บูชาพระพิฆเนศวร
คาถาบูชาพระพิฆเณศวร์ การไหว้องค์เทพ บูชาเทพ วิธีบูชาองค์เทพ
-
ความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการบูชาเทพ การไหว้เทพฮินดู
-
เครื่องหมายโอม...สัญลักษณ์โอม และวิธีการสวดบูชา
| -
เครื่องหมายสวัสดิกะ...สัญลักษณ์สวัสติกะแห่งพระพิฆเนศ
-
สิ่งที่ควรรู้สั้นๆ เกี่ยวกับพระพิฆเนศ การบูชาพระพิฆเณศวร์
| -
ตำนานกำเนิดพระพิฆเนศ ประวัติพระพิฆเณศ
-
ตำนานว่าด้วยเศียรช้าง งาข้างเดียว และหนูบริวารของพระพิฆเนศ
-
ตำนานองค์พระพิฆเนศในเอเชียแปซิฟิก |
-
ตำนานองค์พระพิฆเนศในประเทศไทย
-
พระคเณศ ในฐานะเทพแห่งปัญญาและความรู้
| -
พระพิฆเณศในฐานะหัวหน้าบริวารของพระศิวะ
-
พรที่พระพิฆเนศได้รับจากมหาเทพ-มหาเทวี
| -
อานิสงค์จากการบูชาพระพิฆเนศ การขอพรพระพิฆเนศ
-
คเณศจตุรถี...วันประสูตรพระพิฆเนศ วันคเนศจตุรถี
เทศกาลพระพิฆเนศ งานแห่พระพิฆเณศวัดแขก
-
การบูชาพระแม่กาลี (ตามวิธีของ อ.พิทักษ์ โค้ววันชัย
สำนักพิมพ์สยามคเณศ)
-
บทสรรเสริญพระศิวะ ผู้คืออักขระ 5 ตัว บทสวดพระศิวะมหาเทพ
| -
พระแม่ลักษมี 8 ปาง การบูชาพระแม่ลักษมี
-
พญาครุฑ การบูชาพญาครุฑ องค์พญาครุฑ
| -
พญานาค การบูชาองค์พญานาค | -
ท้าวเวสสุวรรณ ท้าวเวสสุวัณ ท้าวจตุโลกบาล
-
รูปพระแม่อุมาเทวี องค์พระแม่อุมาเทวี พระศรีมหาอุมาเทวี
การบูชาพระแม่อุมาเทวี | -
องค์พระตรีมูรติ การบูชาพระตรีมูรติ
-
พระวิษณุ หรือ พระนารายณ์ การบูชาพระวิษณุ องค์พระวิษณุ
ปางของพระวิษณุ | -
องค์พระแม่ลักษมี รูปพระแม่ลักษมี
-
ตำนานพระสีวลี ผู้เป็นเลิศในลาภสักการะ
| -
พระสีวลีผู้เป็นเลิศในลาภสักการะ | -
การบูชาพระสีวลี การขอพรพระสีวลี
-
การกำเนิดพระสีวลี โดยการทรงประทานพรของพระพุทธเจ้า
| -
พระสีวลี หรือ พระสิวลีพระอรหันต์ผู้มีลาภสักการะเป็นที่สุด
-
ตำนานพระสีวลี พระสิวลี พระสีวะลี ตำนานกำเนิดพระสีวลี
-
พระเกจิ ประวัติพระสงฆ์ หลวงพ่อจรัญ
| -
การเดินทางไปวัด ขอพรหลวงพ่อ วัดในจังหวัดต่างๆ
-
เจ้าแม่กวนอิม องค์เจ้าแม่กวนอิม การบูชาเจ้าแม่กวนอิม
พระแม่กวนอิมปางต่างๆ
[ เรื่องร่างทรง
]
เรื่องร่างทรง
1 - เตือนใจเรื่องร่างทรง
มารสังคมที่ต้องระวัง (รับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง
มีองค์ คนมีองค์ องค์เทพ)
เรื่องร่างทรง
2 - คนมีองค์
กับ ร่างทรง ต่างกันอย่างไร ? (รับขันธ์ ร่างทรง
ตำหนักทรง มีองค์ คนมีองค์ องค์เทพ)
เรื่องร่างทรง
3 - ร่างทรงกำลังทรงเจ้า
หรือกำลังโดนผีสิง ? (รับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง
มีองค์ คนมีองค์ องค์เทพ)
เรื่องร่างทรง
4 - การรับขันธ์
อันตรายถึงชีวิต! (รับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง มีองค์
คนมีองค์ องค์เทพ)
เรื่องร่างทรง
5 - ตอบคำถามร่างทรง
(รับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง มีองค์ คนมีองค์ การทรงเจ้า
องค์เทพ)
เรื่องร่างทรง
6 -
ถอนขันธ์ ลาขันธ์ (การรับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง
มีองค์ คนมีองค์ คนทรงเจ้าองค์เทพ)
เรื่องร่างทรง
7 -
รวมข่าวร่างทรงถูกจับ (การรับขันธ์ ร่างทรง ตำหนักทรง
มีองค์ คนมีองค์ คนทรงเจ้า องค์เทพ)
[ พระศิวะมหาเทพ
]
1.
ตำนานพระศิวะ | 2.
รูปลักษณ์
แห่งพระศิวะ วิธีบูชาพระศิวะมหาเทพ
| 3.
เมล็ดรุทรักษะ
เมล็ดน้ำตาพระศิวะ
4.
โคนนทิ พาหนะแห่งพระศิวะ
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์
| 5.
ศิวะนาฏราช
พระศิวะร่ายรำ ปางของพระศิวะ
6.
ศิวลึงก์ สัญลักษณ์แทนองค์พระศิวะ
การบูชาศิวลึงค์
| 7.
คาถา บทสวดมนต์ การบูชาพระศิวะ
[ พระประจำวันเกิด
, นวนพเคราะห์ ]
พระประจำวันเกิด
พระประจำวันอาทิตย์ พระประจำคนเกิดวันอาทิตย์ พระสุริยะเทพ
(พระอาทิตย์)
พระประจำวันเกิด
พระประจำวันจันทร์ พระประจำคนเกิดวันจันทร์ พระจันทร์
พระประจำวันเกิด
พระประจำวันอังคาร พระประจำคนเกิดวันอังคาร พระอังคาร
,
พระประจำวันเกิด
พระประจำวันพุธ พระประจำคนเกิดวันพุธกลางวัน พระพุธ
พระราหู
การไหว้พระราหู วิธีบูชาพระราหู คาถาบูชาพระราหู
พระประจำวันเกิด พระประจำคนเกิดวันพุธกลางคืน
พระประจำวันเกิด
พระประจำวันพฤหัสบดี พระประจำคนเกิดวันพฤหัสบดี
พระพฤหัสบดี
พระประจำวันเกิด
พระประจำวันศุกร์ พระศุกร์
, พระประจำวันเสาร์
พระประจำวันเกิด พระเสาร์ , พระเกตุ
|
|
|